ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 13.83 จุด เหตุวิตกสงครามการค้า ขณะหุ้นแบงก์พุ่งหนุน S&P500 ปิดบวก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 24, 2018 06:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและบรรดาประเทศคู่ค้าทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งการที่นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,044.29 จุด ลดลง 13.83 จุด หรือ -0.06% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,841.87 จุด เพิ่มขึ้น 21.67 จุด หรือ +0.28% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,806.98 จุด เพิ่มขึ้น 5.15 จุด หรือ +0.18%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเกี่ยวกับสงครามการค้ายังคงเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาด โดยที่ประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่ม G20 ได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า สงครามการค้าและความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแก้ไขปัญหาดังกล่าวผ่านการเจรจาและดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม

การประชุม G20 ครั้งนี้มีขึ้นในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังทวีความรุนแรงขึ้น โดยทั้งสองประเทศต่างก็บังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีวงเงิน 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อไม่นานมานี้ และล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าทุกประเภทที่นำเข้าจากจีน ในวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ หากมีความจำเป็น

หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ซึ่งบริษัทผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 8.1% เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อจำกัดในการลำเลียงน้ำมันผ่านท่อส่งในแหล่งเพอร์เมียน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ทางตะวันตกของรัฐเท็กซัสและทางตะวันออกเฉียงใต้ของนิวเม็กซิโก อย่างไรก็ตาม ฮัลลิเบอร์ตันเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า บริษัทมีรายได้ในไตรมาส 2 พุ่งขึ้นแตะระดับ 6.15 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.11 พันล้านดอลลาร์

หุ้นเทสลา ดิ่งลง 3.3% หลังจากมีรายงานว่า เทสลาได้เรียกร้องให้ซัพพลายเออร์คืนเงินบางส่วน โดยคาดหวังว่าจะช่วยกระตุ้นศักยภาพในการทำกำไรของบริษัท แต่โฆษกของเทสลาได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 ปิดตลาดในแดนบวก เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.96% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเจพี มอร์แกน พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นโกลดแมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 0.9% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ดีดขึ้น 1.4% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ทะยานขึ้น 2.8% และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ เพิ่มขึ้น 0.9%

ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ทั้งนี้ หุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวขึ้น 0.5% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 1.1% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 0.5% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดตัวขึ้น 1.6%

หุ้นแฮสโบร ซึ่งเป็นผู้ผลิตของเล่นเด็ก พุ่งขึ้นเกือบ 13% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 อยู่ที่ระดับ 48 เซนต์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 29 เซนต์/หุ้น ขณะที่รายได้อยู่ที่ระดับ 904.5 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 833.1 ล้านดอลลาร์

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 0.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.38 ล้านยูนิต โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ