ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (27 ก.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้เข้ามาบดบังปัจจัยบวกจากตัวเลข GDP ที่ขยายตัวแข็งแกร่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 76.01 จุด หรือ 0.30% ปิดที่ 25,451.06 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 18.62 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 2,818.82 จุด ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 114.77 จุด หรือ 1.46% ปิดที่ 7,737.42 จุด
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นเฟซบุ๊กที่ร่วงหนักเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี หลังจากเฟซบุ๊กได้ปรับลดคาดการณ์ธุรกิจตลอดทั้งปี ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์รายได้ของบริษัทก็ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ และการขยายตัวของกลุ่มผู้ใช้งานก็ชะลอตัวลง
หุ้นทวิตเตอร์ดิ่ง 20.54% เมื่อวานนี้ หลังบริษัทรายงานว่ายอดผู้ใช้งานประจำรายเดือนลดลง 1 ล้านคนในไตรมาสสองของปีนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก และยังคาดการณ์ว่าตัวเลขดังกล่าวอาจปรับตัวลงอีก
หุ้นอินเทลร่วงลง 8.59% หลังบริษัทเลื่อนการเปิดตัวชิปรุ่นใหม่ออกไป แม้ว่าบริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีกว่าคาดการณ์ก็ตาม
ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาสสองของปีนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี และยังสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ด้านผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 97.9 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน เมื่อเทียบกับตัวเลขเบื้องต้นที่ 97.1 และลดลงจากระดับ 98.2 ในเดือนมิ.ย.