ดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุด ขานรับข่าวสหรัฐ-จีนเปิดฉากเจรจาปลดชนวนสงครามการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 31, 2018 21:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ หลังจากมีรายงานว่า สหรัฐและจีนกำลังเจรจากันเพื่อยุติความขัดแย้งทางการค้า

ณ เวลา 20.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,410.43 จุด เพิ่มขึ้น 103.60 จุด หรือ 0.41%

หุ้นกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้น 3M ทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก

ทั้งนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สหรัฐและจีนกำลังเจรจากันเพื่อยุติสงครามการค้า

แหล่งข่าวระบุว่า นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน กำลังเจรจากันอย่างลับๆเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างกัน

บริษัทจดทะเบียนในตลาดวอลล์สตรีทส่วนใหญ่รายงานผลประกอบการที่สดใสในไตรมาส 2 โดยบริษัทในดัชนี S&P 500 ราว 60% ได้รายงานผลประกอบการแล้ว ซึ่งบริษัท 78% จากจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทแอปเปิล อิงค์หลังจากปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้

ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไร และรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 โดยบริษัทมีกำไร 81 เซนต์/หุ้น โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 75 เซนต์/หุ้น และมีรายได้ที่ระดับ 1.347 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.326 หมื่นล้านดอลลาร์

ส่วนบริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) เปิดเผยกำไรในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 4 ของปีงบการเงินของบริษัท สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่รายได้ต่ำกว่าคาด โดยบริษัทมีเปิดเผยกำไรที่ระดับ 0.94 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 0.09 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่มีรายได้ที่ระดับ 1.650 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.654 หมื่นล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเริ่มต้นในวันนี้ และจะสิ้นสุดในวันพรุ่งนี้ โดยคาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ ในการประชุมเดือนก.ย.และธ.ค.

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้นั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

นอกจากนี้ กระทรวงได้ปรับเพิ่มตัวเลขการใช้จ่ายในเดือนพ.ค.เป็นพุ่งขึ้น 0.5% จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 0.2%

การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐในเดือนมิ.ย.ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายในร้านอาหารและที่พักอาศัย

นอกจากนี้ รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.4% เช่นเดียวกันในเดือนพ.ค.

ส่วนค่าจ้างเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย.

ขณะเดียวกัน อัตราการออมทรงตัวที่ระดับ 6.8% ในเดือนมิ.ย.

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานดีดตัวขึ้น 1.9% ในเดือนมิ.ย. ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3

ก่อนหน้านี้ ดัชนี PCE พุ่งแตะระดับเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ 2.0% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2554


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ