ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วง บ่งชี้วอลล์สตรีทปรับตัวลง หลังสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานต่ำกว่าคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 3, 2018 20:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงลงในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในคืนนี้ หลังสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนก.ค.

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข่าวที่ว่า จีนขู่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้มาตรการเก็บภาษีของสหรัฐ

ณ เวลา 19.57 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลบ 27 จุด หรือ 0.11% สู่ระดับ 25,278 จุด

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนก.ค. โดยเพิ่มขึ้นเพียง 157,000 ตำแหน่ง โดยเป็นตัวเลขการเพิ่มขึ้นต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 190,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 248,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.9% สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และใกล้ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 50 ปี หลังจากแตะระดับ 4.0% ในเดือนมิ.ย.

ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 7 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.3% จากระดับ 0.2% ในเดือนมิ.ย. และเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี โดยสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศในวันนี้ว่า จีนจะเรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยคิดอัตราภาษีในช่วง 5-25%

ทั้งนี้ จีนจะดำเนินการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว หากสหรัฐเดินหน้าจัดเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีน

การประกาศดังกล่าวของจีนมีขึ้น หลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ ขู่ตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์

"จีนเตรียมพร้อม และจะตอบโต้เพื่อรักษาเกียรติภูมิของชาติ, ผลประโยชน์ของประชาชน และปกป้องการค้าเสรี, การซื้อขายแบบพหุภาคี รวมทั้งผลประโยชน์ร่วมกันของทุกประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา จีนได้เสนอแนะให้มีการแก้ไขความขัดแย้งโดยผ่านทางการเจรจาหารือ แต่อยู่บนเงื่อนไขที่ว่าเราต้องปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมกัน และให้เกียรติต่อคำพูดของเรา" แถลงการณ์ระบุ

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้สั่งการให้นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) พิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสู่ระดับ 25% จากเดิมในอัตรา 10% คิดเป็นวงเงินรวม 2 แสนล้านดอลลาร์ โดยครอบคลุมสินค้าจำนวน 6,031 รายการ ตั้งแต่สินค้าเพื่อผู้บริโภคไปจนถึงสินค้าด้านการเกษตร หลังจากสหรัฐและจีนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้า โดยมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมในครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ในเดือนก.ย.

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดวอลล์สตรีท โดยบริษัทในดัชนี S&P 500 มากกว่า 70% ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 แล้ว ซึ่งบริษัท 78% จากจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ