ดัชนีดาวโจนส์เปิดแดนบวกในวันนี้ ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส ซึ่งช่วยชดเชยปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 20.57 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,587.80 จุด เพิ่มขึ้น 4.05 จุด หรือ 0.02%
บริษัทในดัชนี S&P 500 เกือบ 90% ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 แล้ว ซึ่งบริษัท 76.36% จากจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
เวียคอม บริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งเป็นเจ้าของ MTV, พาราเมาท์ พิคเจอร์ส และคอมเมดี เซ็นทรัล เปิดเผยกำไรในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 3 ของปีงบการเงินบริษัท สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่รายได้ต่ำกว่าคาด
ทั้งนี้ เวียคอมเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 1.18 ดอลลาร์/หุ้น เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.07 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 3.24 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.26 หมื่นล้านดอลลาร์
กระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงน้ำมันดิบและรถยนต์เมื่อวานนี้ เพื่อตอบโต้สหรัฐซึ่งได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ส.ค.
ก่อนหน้านี้ คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนล็อตแรกในอัตรา 25% วงเงิน 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา และหลังจากนั้นไม่นาน จีนก็ได้ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐในอัตราและวงเงินที่เท่ากัน
การที่สหรัฐออกมาตรการเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนทั้ง 2 ล็อตคิดเป็นวงเงินรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ในอัตราภาษีและวงเงินที่เท่ากัน
เมื่อช่วงกลางเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา สำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้ประกาศรายการสินค้าจำนวน 1,100 รายการของจีนที่ต้องถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% คิดเป็นวงเงินรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสินค้าล็อตแรกจำนวน 818 รายการ วงเงิน 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ มีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่วนการเรียกเก็บภาษีสินค้าล็อตที่ 2 วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ส.ค.
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ทรงตัวในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค.
การทรงตัวของดัชนี PPI บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันพรุ่งนี้ เพื่อยืนยันทิศทางอัตราเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 213,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 220,000 ราย
สำหรับจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 ก.ค. มีจำนวนเพิ่มขึ้น 29,000 ราย อยู่ที่ระดับ 1.76 ล้านราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 1.75 ล้านราย