ดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก บ่งชี้วอลล์สตรีทดีดตัวคืนนี้ หลังคลายกังวลสงครามการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 20, 2018 20:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ จากการที่นักลงทุนคาดหวังว่าการเจรจารอบใหม่ระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐกับจีนจะสามารถคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า และจะปูทางไปสู่การจัดประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในเดือนพ.ย.นี้

ณ เวลา 20.17 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 50 จุด หรือ 0.19% สู่ระดับ 25,724 จุด

นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่ทางการจีนยืนยันว่า คณะผู้แทนของจีนจะเดินทางไปยังสหรัฐภายในเดือนนี้ เพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า ขณะที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า การเจรจาดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 22-23 ส.ค.

นอกจากนี้ วอลล์สตรีท เจอร์นัลยังระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของทั้งสหรัฐและจีนกำลังเร่งทำโร้ดแมพเพื่อผลักดันให้มีการบรรลุข้อตกลงการค้า ซึ่งจะนำไปสู่การประชุมสุดยอดระหว่างปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง ในเดือนพ.ย.

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ โดยหัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน"

ที่ผ่านมา การประชุมเศรษฐกิจประจำปีซึ่งจัดขึ้นโดยเฟดสาขาแคนซัส ซิตี้นั้น จะมีการหารือกันในประเด็นเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐ และระหว่างประเทศ โดยจะมีผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่างๆทั่วโลก เดินทางมาร่วมการประชุม

ราคาหุ้นของบริษัทเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐ ดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 290 ดอลลาร์/หุ้นในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ ท่ามกลางความไม่มั่นใจเกี่ยวกับแผนการของนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ในการนำบริษัทออกจากตลาดหุ้นนิวยอร์ก

ทั้งนี้ ราคาหุ้นเทสลาร่วงลงมากกว่า 7% หลังจากทรุดตัวลง 14% ในสัปดาห์ที่แล้ว

เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา นายมัสก์ได้สร้างความแตกตื่นให้กับนักลงทุน ด้วยการทวีตข้อความระบุว่า เขากำลังพิจารณานำเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดที่ระดับราคา 420 ดอลลาร์/หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งหมด 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าราคาหุ้นในวันดังกล่าวถึง 20% และนายมัสก์อ้างว่าเขามีแหล่งเงินทุนจากซาอุดิอาระเบียที่จะเข้าซื้อหุ้นที่ระดับราคาดังกล่าว

ทางด้านบริษัทเจพีมอร์แกนประกาศปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นเทสลาในช่วงสิ้นปีนี้ สู่ระดับ 195 ดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 308 ดอลลาร์ พร้อมกับระบุว่า ทางบริษัทไม่มั่นใจต่อคำกล่าวอ้างของนายมัสก์ที่ว่าเขาสามารถหาแหล่งทุนที่จะซื้อหุ้นของเทสลาออกจากตลาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ