ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 88.69 จุด หลังรายงานประชุมเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเดือนก.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 23, 2018 06:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (22 ส.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณผ่านรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.ว่า เฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองในสหรัฐ หลังจากผู้ใกล้ชิดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,733.60 จุด ลดลง 88.69 จุด หรือ -0.34% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,889.10 จุด เพิ่มขึ้น 29.92 จุด หรือ +0.38% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,861.82 จุด ลดลง 1.14 จุด หรือ -0.04%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า กรรมการเฟดหลายคนส่งสัญญาณว่า เฟดมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หากเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง

"กรรมการหลายคนของเฟดมีความเห็นว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับมานั้น สนับสนุนมุมมองของเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน ก็ถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะก้าวไปสู่อีกขั้นตอนหนึ่งของการถอนนโยบายผ่อนคลายการเงิน สำหรับเป้าหมายการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเฟดนั้น จะพิจารณาถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างยั่งยืน, ภาวะตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่เคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ในระยะกลาง" รายงานการประชุมของเฟดระบุ

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองในสหรัฐ หลังจากผู้ใกล้ชิดกับปธน.ทรัมป์ได้ถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย นับตั้งแต่นายไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความที่ยอมสารภาพผิดในคดีอาญาทั้ง 8 คดี และนายพอล มานาฟอร์ต อดีตผู้จัดการทีมหาเสียงของปธน.ทรัมป์ ถูกศาลสหรัฐตัดสินจำคุกในข้อหาก่อกวนพยานในคดีที่รัสเซียอาจมีส่วนก้าวก่ายการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 3% เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาด โดยหุ้นมาราธอน ออยล์ พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นโนเบิล เอนเนอร์จี ดีดตัวขึ้น 3.9% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 2.1% หุ้นเอ็กซอนโมบิล ดีดขึ้น 1.4% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 0.6% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดีดตัวขึ้น 0.7%

ส่วนหุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้นหลังจากทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยว่าบริษัทมีกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 1.778 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 1.728 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ หุ้นทาร์เก็ต พุ่งขึ้น 3.2% หุ้น Lowe's ทะยานขึ้น 5.8% และหุ้นเจ.ซี. เพนนี พุ่งขึ้น 2.3%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 0.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.34 ล้านยูนิต โดยยอดขายลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และเป็นการปรับตัวลงที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2556

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนมิ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค. และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค.

ขณะเดียวกันนักลงทุนติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 22-23 ส.ค.นี้ โดยคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะเจรจาต่อรองกันในหลายประเด็น เนื่องจากในวันพฤหัสบดีที่ 23 ส.ค.นี้ จะเป็นวันที่สหรัฐจะบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในวันที่ 24 ส.ค. สำหรับหัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ