ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 22.51 จุด ขณะ Nasdaq ร่วงหนักจากแรงฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 6, 2018 06:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า ขณะที่ดัชนี Nadaq ร่วงลงกว่า 1% เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากผู้บริหารของบริษัทเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐ เกี่ยวกับการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,974.99 จุด เพิ่มขึ้น 22.51 จุด หรือ +0.09% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,995.17 จุด ลดลง 96.07 จุด หรือ -1.19% และ ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,888.60 จุด ลดลง 8.12 จุด หรือ -0.28%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้า โดยตัวแทนเจรจาการค้าของสหรัฐและแคนาดาได้เริ่มการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ครั้งใหม่เมื่อวานนี้ที่กรุงวอชิงตัน หลังจากที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกำหนดเส้นตายที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุไว้ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังคงมีความขัดแย้งกันในหลายประเด็น

นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา กล่าวว่า แคนาดาจะไม่ยอมอ่อนข้อต่อข้อเรียกร้องของสหรัฐในการเจรจา NAFTA ฉบับใหม่ ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สหรัฐและเม็กซิโกสามารถเดินหน้าต่อไปโดยไม่ต้องมีแคนาดาในการทำข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่

ขณะเดียวกัน สหรัฐเตรียมทำสงครามการค้ารอบใหม่กับจีนในสัปดาห์นี้ โดยแหล่งข่าวระบุว่า ปธน.ทรัมป์กล่าวกับคนสนิทของเขาว่า เขาจะทำการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าของจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ทันทีที่มาตรการดังกล่าวได้ข้อสรุปจากการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากที่การเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในวันที่ 22-23 ส.ค.ได้สิ้นสุดลง โดยไม่มีความคืบหน้าใดๆ ขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันคิดเป็นวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ การที่สหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค. ยังส่งผลให้ตลาดวิตกกังวลว่า รัฐบาลสหรัฐอาจให้มาตรการทางการค้าที่รุนแรงมากขึ้นต่อจีน โดยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้น 9.5% สู่ระดับ 5.01 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน ขณะเดียวกันสหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนพุ่งขึ้น 10% สู่ระดับ 3.68 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งได้ฉุดดัชนี Nasdaq ปิดร่วงกว่า 1% หลังจากมีรายงานว่า ผู้บริหารของเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐเมื่อวานนี้ หลังจากที่สื่อโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ของสหรัฐถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว โดยหัวข้อที่ได้มีการกำหนดไว้สำหรับการให้ข้อมูลเมื่อวานนี้ คือ "Foreign Influence Operations’ Use of Social Media Platforms" หรืออิทธิพลของต่างชาติในเรื่องการดำเนินการและใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

ทั้งนี้ หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.3% หุ้นทวิตเตอร์ ดิ่งลง 6.1% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ปรับตัวลง 0.9% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.9% หุ้นอเมซอนดอทคอม ร่วงลง 2.2% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 6.2% และหุ้นสแนป ปรับตัวลง 4.5%

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวผันผวน โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ดีดตัวขึ้น 1.3% หุ้นเชฟรอน ขยับขึ้น 0.4% แต่หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลงเกือบ 6% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 อาจชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจการขุดเจาะน้ำมันในแหล่งเพอร์เมียน เบซิน

หุ้น JD.com ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ร่วงลง 10.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่สอง สืบเนื่องมาจากข่าวที่ว่า นายหลิว เฉียงตง หรือ ริชาร์ด หลิว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ได้ถูกเจ้าหน้าที่สหรัฐจับกุมตัวในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศในระหว่างเดินทางไปทำธุรกิจในสหรัฐ

หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ปรับตัวลง 1.2% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐ (FBI) ได้เปิดฉากการตรวจสอบอเมริกัน เอ็กซ์เพรสในประเด็นที่ว่า ทางบริษัทให้ข้อมูลเท็จต่อลูกค้าเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศหรือไม่ โดยข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นบริษัทคู่แข่งรายอื่นๆร่วงลงด้วย โดยหุ้นวีซ่า ร่วงลง 3.5% และหุ้นมาสเตอร์การ์ด ดิ่งลง 2.6%

หุ้นไนกี้ ดีดตัวขึ้น 0.4% หลังจากที่ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อวันอังคาร อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า บริษัทไนกี้ได้เลือกโคลิน เคเปอร์นิค อดีตควอเตอร์แบ็คของทีมซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ไนน์เนอร์ส ในลีกอเมริกันฟุตบอล NFL ให้แสดงในโฆษณาชุดใหม่ของบริษัท โดยเคเปอร์นิคเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ประท้วงการเหยียดผิวและการกระทำรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อคนผิวสี ด้วยการคุกเข่าในระหว่างที่เพลงชาติสหรัฐบรรเลงในสนาม NFL

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 2/2561, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค., ดัชนีภาคบริการเดือนส.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ