ดาวโจนส์พลิกพุ่งกว่า 100 จุด ขานรับข่าวสหรัฐเตรียมเจรจาการค้าครั้งใหม่กับจีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 12, 2018 22:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พลิกพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ หลังปรับตัวลงในช่วงแรก โดยได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า สหรัฐเตรียมเจรจาการค้าครั้งใหม่กับจีน

ณ เวลา 22.42 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,118.87 จุด บวก 147.81 จุด หรือ 0.57%

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาดในวันนี้ นำโดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล และเชฟรอน

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นต่อเนื่องในวันนี้ โดยล่าสุดทะยานขึ้นกว่า 2% ใกล้แตะระดับ 71 ดอลลาร์ หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 5.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะน้ำมันตึงตัวในตลาดจากการที่สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่าน

ณ เวลา 22.16 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนต.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 1.63 ดอลลาร์ หรือ 2.35% สู่ระดับ 70.88 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักข่าวดาวโจนส์รายงานว่า สหรัฐกำลังหาทางเริ่มต้นเจรจาการค้าครั้งใหม่กับจีน โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ได้ส่งจดหมายไปยังเจ้าหน้าที่จีน เพื่อเชิญให้เข้าร่วมการเจรจาแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้า โดยการเจรจาอาจมีขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

รายงานข่าวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ภาคธุรกิจสหรัฐได้รวมตัวกันใช้ชื่อว่า Americans for Free Trade เพื่อต่อต้านนโยบายการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

กลุ่มดังกล่าวประกอบด้วยบริษัทที่มาจากอุตสาหกรรมต่างๆ นับตั้งแต่การผลิตของเล่นไปจนถึงเทคโนโลยี

กลุ่ม Americans for Free Trade ได้ทำการรณรงค์โดยใช้ชื่อว่า Tariffs Hurt the Heartland โดยมีการซื้อโฆษณา และจัดการประชุมในรัฐต่างๆ

นอกจากนี้ ทางกลุ่มยังได้เชิญชวนให้สมาชิกสภาคองเกรสคัดค้านนโยบายการค้าของปธน.ทรัมป์ โดยเรียกร้องให้มีการเข้าร่วมงานรณรงค์ซึ่งจะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้าที่รัฐเพนซิลเวเนีย อิลลินอยส์ และเทนเนสซี

ในช่วงการทำประชาพิจารณ์ต่อแผนการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์นั้น ภาคธุรกิจต่างก็ได้แสดงความเห็นคัดค้าน โดยระบุว่าสิ่งนี้จะกระทบต่อห่วงโซ่การผลิต ขณะที่เพิ่มค่าใช้จ่าย และทำให้ต้องมีการปรับเพิ่มราคาสินค้า

นายเกิง ชวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนจะตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ต่อสินค้าจีน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่วงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์ นอกเหนือจากที่มีแผนเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ก่อนหน้านี้

ทั่วโลกกำลังจับตาท่าทีของปธน.ทรัมป์ว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์เมื่อใด หลังจากผ่านพ้นกำหนดเส้นตายในวันที่ 6 ก.ย.สำหรับการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐต่อมาตรการดังกล่าว

ขณะนี้ สหรัฐและจีนได้ดำเนินการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าแต่ละฝ่ายในวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์นับตั้งแต่เดือนก.ค. ขณะที่ความขัดแย้งทางการค้ารุนแรงขึ้น แม้มีการเจรจาแก้ไขข้อพิพาททางการค้าหลายรอบ

เมื่อเดือนที่แล้ว จีนเปิดเผยรายชื่อสินค้าสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ที่จีนเตรียมตอบโต้ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์

ขณะเดียวกัน ตลาดยังจับตาแอปเปิล อิงค์ ซึ่งเตรียมเปิดตัว iPhone ใหม่ รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆในเวลาเที่ยงคืนนี้ตามเวลาไทย ที่สตีฟ จ็อบส์ เธียเตอร์

สื่อคาดการณ์ว่า แอปเปิลจะเปิดตัว iPhone ใหม่ 3 รุ่นในงานดังกล่าว โดยทั้งหมดจะถูกออกแบบให้อิงตาม iPhone X โดยรุ่นหนึ่งจะใช้ชื่อว่า iPhone XS Max ที่มีขนาดหน้าจอ 6.5 นิ้วแบบ OLED ซึ่งเป็น iPhone ที่มีหน้าจอใหญ่ที่สุดเท่าที่แอปเปิลเคยผลิตมา ส่วนอีกรุ่นหนึ่งใช้ชื่อว่า iPhone XS จะมีขนาดหน้าจอ 5.8 นิ้วแบบ OLED เท่ากับ iPhone X ในปัจจุบัน แต่ได้รับการอัพเกรด และอีกรุ่นหนึ่งใช้ชื่อ iPhone XR ที่มีราคาไม่แพง แต่เพียบพร้อมด้วยฟีเจอร์หลักๆ ของรุ่นเรือธง โดยมีขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้วแบบ LCD

iPhone ใหม่ทั้ง 3 รุ่นดังกล่าวต่างก็มีฟีเจอร์ Face ID ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถปลดล็อกเครื่องด้วยการสแกนใบหน้า แทนการสแกนลายนิ้วมือ ขณะที่แอปเปิลจะเพิ่มขนาดแบตเตอรี่ใน iPhone รุ่นใหม่ ซึ่งจะทำให้สามารถใช้งานได้นานกว่ารุ่นเดิม

แหล่งข่าวระบุว่า แอปเปิลจะเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การตั้งราคา iPhone ในปีนี้ จากเดิมที่นิยมตั้งให้มีราคาแพง เพื่อให้มีราคาขายเฉลี่ย (average selling price) หรือ ASP อยู่ในระดับสูง โดยได้ตั้งราคา iPhone X ในการเปิดตัวในปีที่แล้วตั้งต้นจากระดับ 999 ดอลลาร์ ไปจนถึง 1,149 ดอลลาร์ ซึ่งได้ทำให้ตัวเลข ASP ของ iPhone อยู่ที่ระดับ 724 ดอลลาร์

อย่างไรก็ดี แอปเปิลจะปรับกลยุทธ์การตั้งราคา iPhone ให้ต่ำลงในปีนี้ โดย iPhone XS Max ที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ที่สุดเท่าที่แอปเปิลเคยผลิตมา จะมีราคา 900-1,000 ดอลลาร์ ส่วน iPhone XS จะมีราคา 800-900 ดอลลาร์ และ iPhone XR จะมีราคา 600-700 ดอลลาร์

แอปเปิลหวังว่าโครงสร้างราคาดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทสามารถจำหน่าย iPhone จำนวนมากขึ้น ซึ่งจะหนุนผลกำไรให้แก่บริษัทในที่สุด

นอกจากนี้ แอปเปิลจะเปิดตัว MacBook Air รุ่นใหม่ และ Mac Mini ที่มีการอัพเกรด รวมทั้ง Apple Watch รุ่นใหม่ และ iPad ที่มีการอัพเกรด

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 0.1% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว หลังจากทรงตัวในเดือนก.ค.

การปรับตัวลงของดัชนี PPI มีสาเหตุจากการร่วงลงของราคาอาหาร และค่าใช้จ่ายในภาคบริการ แม้ว่าราคาพลังงานดีดตัวขึ้น

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 2.8% หลังจากเพิ่มขึ้น 3.3% ในเดือนก.ค.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบรายปี

ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหาร, พลังงาน และภาคบริการ เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนก.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ