ดัชนีดาวโจนส์พลิกร่วงลงสู่แดนลบ หลังเปิดตลาดปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนกลับมาวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่สื่อระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังคงมีความตั้งใจที่จะเดินหน้าเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ถีงแม้นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ได้ส่งจดหมายไปยังเจ้าหน้าที่ของจีน เพื่อเชิญให้เข้าร่วมการเจรจาการค้าครั้งใหม่
ณ เวลา 01.08 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,113.68 จุด ลบ 32.31 จุด หรือ 0.12%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้เรียกประชุมที่ปรึกษาทางการค้าเมื่อวานนี้ ซึ่งรวมถึงนายมนูชิน, นายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ
รายงานระบุว่า ปธน.ทรัมป์แจ้งให้เจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าร่วมการประชุมวานนี้ เดินหน้าเรียกเก็บภาษี 2 แสนล้านดอลลาร์จากจีน แม้อีกด้านหนึ่ง สหรัฐก็ยังใช้ความพยายามที่จะเจรจาแก้ไขข้อพิพาททางการค้ากับจีน
ขณะนี้ได้ผ่านพ้นกำหนดเส้นตายในวันที่ 6 ก.ย.สำหรับการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐต่อมาตรการเรียกเก็บภาษี 2 แสนล้านดอลลาร์จากจีน แต่ปธน.ทรัมป์ก็ยังคงไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการสำหรับการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่วงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์ นอกเหนือจากที่มีแผนเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ก่อนหน้านี้
นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากพุ่งขึ้น 0.7% ในเดือนก.ค.
การชะลอตัวของยอดค้าปลีกในเดือนส.ค.ได้รับผลกระทบจากการลดลงของยอดขายรถยนต์และเสื้อผ้า
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าร่วงลง 0.6% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2559 หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนก.ค.
การร่วงลงของดัชนีราคานำเข้าได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งได้พุ่งขึ้นมากกว่า 6% ในปีนี้ และได้ทำให้ต้นทุนการนำเข้าพลังงานลดลง
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาส่งออกลดลง 0.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.5% ในเดือนก.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 3.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือนก.ค.
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค.
ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเป็นการวัดการปรับตัวของภาคการผลิต, เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค
ภาคการผลิตเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. ขณะที่ภาคสาธารณูปโภคดีดตัวขึ้น 1.2% และภาคเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น 0.7%
ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 78.1% ในเดือนส.ค. จากระดับ 77.9 ในเดือนก.ค.