ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 184.84 จุด รับหุ้นเทคโนฯฟื้น,สหรัฐ-จีนเรียกเก็บภาษีต่ำกว่าคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 19, 2018 06:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสหรัฐและจีนเรียกเก็บภาษีนำเข้าในระดับต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้นเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากรัฐบาลสหรัฐยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์สมาร์ทวอทช์จากบริษัทแอปเปิล และบริษัทฟิตบิท ไม่ได้รวมอยู่ในรายการสินค้าที่ถูกเรียกเก็บภาษีครั้งล่าสุดนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,246.96 จุด พุ่งขึ้น 184.84 จุด หรือ +0.71% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,904.31 จุด เพิ่มขึ้น 15.51 จุด หรือ +0.54% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,956.11 จุด เพิ่มขึ้น 60.32 จุด หรือ +0.76%

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ในอัตราต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.นี้ และจากนั้นจะเพิ่มเป็น 25% ตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้า

ขณะที่รัฐบาลจีนได้ออกมาตอบโต้ด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตราภาษี 5-10% คิดเป็นวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ย. อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีดังกล่าวยังต่ำกว่าระดับ 20% ที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้

นักวิเคราะห์หลายรายซึ่งรวมถึงนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์สเตทสโตน เวลธ์ กล่าวว่า การที่สหรัฐและจีนต่างก็เรียกเก็บภาษีนำเข้าครั้งล่าสุดในอัตราที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์นั้น ได้ช่วยบรรเทาความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง ขณะที่ผลประกอบการของภาคเอกชนยังสดใส และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังอยู่ในระดับที่สูงมาก

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น หลังจากรัฐบาลสหรัฐยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์สมาร์ทวอทช์จากบริษัทแอปเปิล และบริษัทฟิตบิท ไม่ได้รวมอยู่ในรายการสินค้าที่ถูกเรียกเก็บภาษีครั้งล่าสุดนี้ โดยหุ้นฟิตบิท พุ่งขึ้น 6.4% หุ้นแอปเปิล ดีดตัวขึ้น 0.2% หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวขึ้น 0.9% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 0.6% หุ้นอเมซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ทะยานขึ้น 5%

ส่วนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศนั้น ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดีดตัวขึ้น 1.9% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 1.3% และหุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก เพิ่มขึ้น 0.8%

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก หลังจากกลุ่มโอเปกส่งสัญญาณว่ายังไม่เร่งเพิ่มกำลังการผลิต โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 0.3% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.5% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 3.8% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 1.6% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 1.3% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ปรับตัวขึ้น 1.1%

หุ้นไนกี้ พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทเทลซีย์ แอดไวซอรี กรุ๊ป ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นไนกี้ หลังยอดขายออนไลน์ของไนกี้พุ่งขึ้น 31% จากการที่บริษัทตัดสินใจเลือกโคลิน แคเปอร์นิค อดีตควอเตอร์แบ็คของทีมซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ไนน์เนอร์ส ในลีกอเมริกันฟุตบอล NFL ให้แสดงในโฆษณาชุดใหม่ของไนกี้ ภายใต้แคปเปญ "Just Do It"

หุ้นวีซ่า ดีดตัวขึ้น 1% และหุ้นมาสเตอร์การ์ด พุ่งขึ้น 1.7% หลังจากทั้งสองบริษัทยอมจ่ายเงินเพื่อยุติคดีความเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมที่ร้านค้าต้องจ่ายเมื่อรับรูดบัตรเครดิต

หุ้นเทสลา ร่วงลง 3.4% เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า เทสลาอาจถูกดำเนินคดีอาญาจากกรณีที่นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ได้ทวีตข้อความก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการนำเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด ขณะที่นักกฎหมายเตือนว่าการทวีตข้อความของนายมัสก์เสี่ยงที่จะทำให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) สั่งปรับบริษัท และอาจทำให้นายมัสก์ถูกดำเนินคดีอาญา

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านทรงตัวที่ระดับ 67 ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน อย่างไรก็ดี หากเทียบเป็นรายปี ดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น 3 จุด

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค., ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 2/2561, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ