ดาวโจนส์ทรุดกว่า 400 จุด หุ้นเทคโนโลยีฉุดตลาด ขณะหุ้นแบงก์ดีดรับบอนด์ยีลด์พุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 10, 2018 23:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ยังคงดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ โดยล่าสุดทรุดตัวลงกว่า 400 จุด โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พุ่งขึ้น หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ซึ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ณ เวลา 23.08 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,021.89 จุด ลดลง 408.68 จุด หรือ 1.55% ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 1.7% ในเดือนนี้

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, อุตสาหกรรม และพลังงานดิ่งลงนำตลาด โดยหุ้นอินเทลร่วงลงมากกว่า 2% ขณะที่ไมโครซอฟท์ และอเมซอนทรุดตัวลงมากกว่า 3%

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวสวนทางตลาดในวันนี้ โดยเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะเปิดเผยผลประกอบการในปลายสัปดาห์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจดทะเบียนสหรัฐจะมีกำไรเพิ่มขึ้นราว 19% ในไตรมาส 3 หลังจากพุ่งขึ้น 25% ในไตรมาส 1 และ 2 ของปีนี้

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังคงทะยานขึ้นในวันนี้ หลังจากชะลอตัววานนี้ โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐ (PPI) ที่พุ่งขึ้นในวันนี้

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีทำสถิติแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีในวันนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีสูงสุดในรอบ 7 ปี และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปีสูงสุดในรอบ 8 ปี

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐทะยานขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว หลังการเปิดเผยอัตราการว่างงานในสหรัฐต่ำสุดในรอบ 49 ปี ขณะที่มีการขยายตัวของค่าจ้างแรงงาน ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

เมื่อเดือนที่แล้ว เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% พร้อมกับส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในเดือนธ.ค. และปรับขึ้น 3 ครั้งในปีหน้า และอีก 1 ครั้งในปี 2563

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ ซึ่งหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ จึงทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหาร, พลังงาน และภาคบริการ พุ่งขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังจากขยับขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนก.ย. เช่นเดียวกับในเดือนส.ค.

ส่วนดัชนี PPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน โดยสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนส.ค.

การปรับตัวขึ้นของดัชนี PPI ได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของค่าใช้จ่ายในภาคบริการ แม้ว่าราคาอาหารปรับตัวลง

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 2.6% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.8%

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐ (CPI) ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI เดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้น 0.2%

ขณะเดียวกัน นักลงทุนรอการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ