ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 831.83 จุด หลังบอนด์ยีลด์พุ่ง, วิตกเฟดเร่งขึ้นดบ.หลังเงินเฟ้อดีดแรง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 11, 2018 06:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) โดยทั้งดาวโจนส์ และ S&P500 ต่างก็ดิ่งลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ.ปีนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พุ่งขึ้นหลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ซึ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนี Nasdaq ทรุดตัวลงกว่า 300 จุด จากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,598.74 จุด ดิ่งลง 831.83 จุด หรือ -3.15% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,785.68 จุด ลดลง 94.66 จุด หรือ -3.29% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,422.05 จุด ร่วงลง 315.97 จุด หรือ -4.08%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงอย่างหนักหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้น ภายหลังจากทางการสรหัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 8 เดือน โดยเมื่อเวลา 20.04 น.ตามเวลาไทยเมื่อคืนนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.241% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.401%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (PPI) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหาร, พลังงาน และภาคบริการ พุ่งขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ ซึ่งหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ จึงทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยได้ฉุดหุ้นกลุ่มต่างๆร่วงลงเป็นวงกว้าง โดยหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคร่วงลง ซึ่งรวมถึงหุ้นไทสัน ฟู้ดส์ ดิ่งลง 2.5% หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ลดลง 0.9% หุ้นเป๊ปซี่โค ลดลง 0.7% หุ้นโคคา-โคลา ร่วงลง 1.6% หุ้นจอห์สัน แอนด์ จอห์นสัน ลดลง 1.1% และหุ้นไนกี้ ดิ่งลง 6.8%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลง โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 4.6% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 3.8% หุ้น 3M ร่วงลง 3.9% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ร่วงลง 3.4% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ดิ่งลง 3.5% หุ้นอีตัน คอร์ป ร่วงลง 3.8% และหุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ดิ่งลง 2%

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.3% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 3.3% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 5.2% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ดิ่งลง 5.6% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 3.5%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง ซึ่งฉุดดัชนี Nasdaq ปิดตลาดดิ่งลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. 2559 โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 4.1% หุ้นแอปเปิล ดิ่งลง 4.6% หุ้นอเมซอน ดิ่งลง 6.1% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ร่วงลง 4.6% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 8.3% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 5.4% หุ้น Nvidia ร่วงลง 7.4% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ ลดลง 1.5% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ร่วงลง 3.9% หุ้นอินเทล ดิ่งลง 3.7% และหุ้น IBM ร่วงลง 3.1%

ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารปิดตลาดร่วงลงเช่นกัน หลังจากที่ดีดตัวขึ้นขานรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในช่วงแรก โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2.4% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 3.6% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 3.3% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลดลง 2% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ร่วงลง 2.6% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป ดิ่งลง 2.7%

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐ (CPI) เดือนก.ย.ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI เดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้น 0.2% โดยหากตัวเลข CPI ดีดตัวขึ้นมากกว่าระดับ 0.2% ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ