ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 287.16 จุด นักลงทุนคลายวิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ย-ผลประกอบการดีเกินคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday October 13, 2018 07:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) โดยนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี การเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของธนาคารสหรัฐ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน อาจเจรจากันนอกรอบการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งอาจช่วยยุติการทำสงครามการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,339.99 จุด เพิ่มขึ้น 287.16 จุด หรือ 1.15% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,767.13 จุด เพิ่มขึ้น 38.76 จุด หรือ 1.42% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,496.89 จุด เพิ่มขึ้น 167.83 จุด หรือ 2.29%

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของธนาคารสหรัฐ โดยเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรพุ่งขึ้น 33% ในไตรมาส 3 โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ขณะเดียวกัน เวลส์ ฟาร์โก ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของสหรัฐ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยเวลส์ ฟาร์โก ระบุว่า ธนาคารมีรายได้ 2.19 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.189 หมื่นล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ซิตี้กรุ๊ป เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่รายได้ต่ำกว่าคาด

ทั้งนี้ เจพีมอร์แกน เชส นับเป็นธนาคารขนาดใหญ่แห่งแรกของสหรัฐที่รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการดำเนินงานของธนาคาร เพื่อหาสิ่งบ่งชี้แนวโน้มผลประกอบการของภาคธนาคารสหรัฐในไตรมาส 3

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับ 99 ในเดือนต.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 100.4 หลังจากแตะระดับ 100.1 ในเดือนก.ย.

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 831 จุดเมื่อวันพุธ และร่วงลง 545 จุดเมื่อวันพฤหัสบดี ส่งผลให้ทรุดตัวลง 2 วันเกือบ 1,400 จุด หรือมากกว่า 5%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในสัปดาห์นี้นับตั้งแต่เดือนมี.ค. โดยได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับการที่เฟดอาจเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวผันผวนในสัปดาห์นี้ โดยได้พุ่งขึ้นเมื่อวันพุธ จากการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐ (PPI) ที่ทะยานขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดอาจเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีทำสถิติแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีสูงสุดในรอบ 7 ปี และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปีสูงสุดในรอบ 8 ปี อย่างไรก็ดี อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลงเมื่อวันพฤหัสบดี หลังการเปิดเผยตัวเลขดัชนี CPI ที่ต่ำกว่าคาด

หุ้นบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล) ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.25% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.57% หุ้นอเมซอน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.03% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.75% และหุ้นอัลฟาเบท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.73%

ส่วนหุ้นของธนาคารที่มีการเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดนั้น หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.30% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.14% อย่างไรก็ดี หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ปรับตัวลดลง 1.09% เนื่องจากนักลงทุนยังไม่มั่นใจในศักยภาพการทำกำไรในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ