ดาวโจนส์ร่วงกว่า 100 จุด ตลาดถูกกดดันจากบอนด์ยีลด์พุ่ง หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 18, 2018 21:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุดในวันนี้ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

ณ เวลา 21.07 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,581.03 จุด ลดลง 125.65 จุด หรือ 0.49%

เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 25-26 ก.ย. โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เฟดจำเป็นต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจสหรัฐ และควบคุมอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งป้องกันความเสี่ยงจากภาวะไร้สมดุลทางการเงิน

สำหรับการประชุมเมื่อวันที่ 25-26 ก.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.,มิ.ย. และในเดือนก.ย. ซึ่งจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4 ครั้งในปีนี้ ส่วนในปีหน้า เฟดยังคงส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีพุ่งทะลุระดับ 2.90% ในวันนี้ แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ณ เวลา 20.55 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.907% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.2551 ซึ่งในวันดังกล่าวอัตราผลตอบแทนแตะระดับ 3.014% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.213% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.384%

ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ ซึ่งหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ จึงทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 49 ปี

ทั้งนี้ จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 210,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ใกล้ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2512 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 212,000 ราย

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐ โดยบรรดาบริษัทในดัชนี S&P 500 ซึ่งได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 แล้ว จำนวนราว 84.1% ได้รายงานผลประกอบการที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ