ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ วิตกแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 25, 2018 09:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากมีรายงานว่ายอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐร่วงลงติดต่อกัน 4 เดือน รวมทั้งรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้า

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 21,676.83 จุด ลดลง 414.35 จุด, -1.88% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,540.93 จุด ลดลง 62.37 จุด, -2.40% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,766.72 จุด ลดลง 483.06 จุด, -1.91% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,622.95 จุด ลดลง 136.45 จุด, -1.40% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,046.67 จุด ลดลง 50.91 จุด, -2.43% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,992.00 จุด ลดลง 40.08 จุด, -1.32% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,679.36 จุด ลดลง 10.68 จุด, -0.63% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,086.17 จุด ลดลง 43.25 จุด, -0.61%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานเมื่อคืนนี้ว่า ยอดขายบ้านใหม่ดิ่งลง 5.5% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 553,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2559 และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 4 เดือน โดยยอดขายบ้านใหม่ที่ร่วงลงในเดือนก.ย.ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งขึ้น

ขณะที่ราคาเฉลี่ยของบ้านใหม่ลดลงสู่ระดับ 320,000 ดอลลาร์ในเดือนก.ย. ส่วนสต็อกบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 2.8% สู่ระดับ 327,000 ยูนิตในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2552 ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากยอดขายบ้านและสต็อกบ้านในตลาด พบว่า ผู้ขายบ้านต้องใช้เวลา 7.1 เดือนในการขายบ้านจนหมดสต็อกในตลาด ซึ่งเป็นช่วงเวลายาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2554 จากระดับ 6.5 เดือนในเดือนส.ค.

ทางด้านเฟดได้เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ภาคธุรกิจในหลายเขตของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงภาคการผลิตและค้าปลีก ได้แสดงความกังวลว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้ต้นทุนปรับตัวสูงขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ