ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุดในวันนี้ โดยสามารถฟื้นตัวขึ้น หลังจากทรุดหนักเมื่อวานนี้
ณ เวลา 20.57 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,806.50 จุด เพิ่มขึ้น 223.08 จุด หรือ 0.91%
ถึงแม้ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นในวันนี้ แต่ก็ยังคงดิ่งลงกว่า 7% ในเดือนนี้ โดยมีปัจจัยรบกวนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง, ความวิตกเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณของอิตาลี, ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและซาอุดีอาระเบีย กรณีการเสียชีวิตของนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวซาอุดีอาระเบีย
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในวันนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นวันที่มีบริษัทจดทะเบียนจำนวนมากที่สุดในรอบนี้ที่จะเปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 3 โดยมีบริษัทในดัชนี S&P 500 จำนวน 66 แห่ง และบริษัทในดัชนีดาวโจนส์ 2 แห่งที่จะรายงานผลประกอบการในวันนี้
บรรดาบริษัทในดัชนี S&P 500 ซึ่งได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 แล้ว จำนวน 80% ได้รายงานผลประกอบการที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ราคาหุ้นของบริษัทเทสลา อิงค์พุ่งขึ้นมากกว่า 7% ในการซื้อขายวันนี้ หลังเผยตัวเลขกำไรในไตรมาส 3
ทั้งนี้ เทสลาเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 311.5 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.90 ดอลลาร์/หุ้น ในไตรมาส 3 เทียบกับที่ขาดทุน 619.4 ล้านดอลลาร์ หรือ 3.70 ดอลลาร์/หุ้น ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
เทสลายังเปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ 6.82 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า บริษัทจะมีตัวเลขขาดทุน 19 เซนต์/หุ้นในไตรมาส 3 ขณะที่มีรายได้ 6.33 พันล้านดอลลาร์
เทสลาสามารถทำกำไรในไตรมาส 3 ของปีนี้ โดยเป็นการทำกำไรรายไตรมาสเป็นครั้งที่ 3 ของบริษัท นับตั้งแต่ที่เข้าตลาดหลักทรัพย์สหรัฐในปี 2553
นอกจากนี้ บริษัทยังคาดหวังว่าจะสามารถทำกำไรในไตรมาส 4 ของปีนี้
บริษัท ทวิตเตอร์ อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3 โดยมีกำไร 21 เซนต์/หุ้น เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 14 เซนต์/หุ้น นอกจากนี้ บริษัทระบุรายได้ที่ระดับ 758 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 702.6 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี จำนวนผู้ใช้บริการต่อเดือนอยู่ที่ระดับ 326 ล้านคน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 330.1 ล้านคน
บริษัทคอมแคสต์ สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ รายงานตัวเลขกำไร และรายได้ประจำไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยมีกำไร 65 เซนต์/หุ้น ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 61 เซนต์/หุ้น และมีรายได้ที่ระดับ 2.2135 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.1819 หมื่นล้านดอลลาร์
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 5,000 ราย สู่ระดับ 215,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2512 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 214,000 ราย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.ย. หลังจากพุ่งขึ้น 4.6% ในเดือนส.ค.
ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนดีดตัวขึ้นในเดือนก.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อเครื่องบินและรถยนต์
อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ ลดลง 0.1% ในเดือนก.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนส.ค.
เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานดีดตัวขึ้น 6.6% ในเดือนก.ย.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7.60 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการขาดดุลเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 หลังจากอยู่ที่ระดับ 5.32 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ การส่งออกเพิ่มขึ้น 1.8% สู่ระดับ 1.4095 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้น 1.5% สู่ระดับ 2.17 แสนล้านดอลลาร์