ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งการหารือดังกล่าวเป็นไปด้วยดี นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทดาวดูปองท์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,380.74 จุด พุ่งขึ้น 264.98 จุด หรือ +1.06% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,434.06 จุด เพิ่มขึ้น 128.16 จุด หรือ +1.75% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,740.37 จุด เพิ่มขึ้น 28.63 จุด หรือ +1.06%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก ท่ามกลางความหวังที่ว่าข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะคลี่คลายลง หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า เขาได้สนทนาทางโทรศัพท์กับปธน.สี จิ้นผิง เพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งการหารือดังกล่าวเป็นไปด้วยดี นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ยืนยันกำหนดการพบปะกับปธน.สี จิ้นผิงนอกรอบการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรสของอาร์เจนตินา โดยการประชุม G20 มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.
"ผมเพิ่งมีการสนทนาที่ใช้เวลานาน และเป็นไปอย่างดีมากกับท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เราได้คุยกันในหลายประเด็น โดยเน้นหนักทางด้านการค้า ซึ่งการหารือดังกล่าวเป็นไปด้วยดี โดยเรามีกำหนดพบปะกันในการประชุม G20 ที่อาร์เจนตินา และเรายังมีการหารือกันเป็นอย่างดีเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นขานรับสัญญาณบวกของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นโบอิ้งและหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ซึ่งถือเป็นดัชนีชี้วัดการค้าของสหรัฐ เนื่องจากทั้ง 2 บริษัทมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศ ทั้งนี้ หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 2.3% หุ้น 3M เพิ่มขึ้น 1.03% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 2.7% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 3.02% และหุ้นอีตัน คอร์ป พุ่งขึ้น 2.9%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทแอปเปิล อิงค์ ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการแล้ว โดยหุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 1.5% หุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 4.2% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ทะยานขึ้น 5.1% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 3.4% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ ทะยานขึ้น 6.3% และหุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 2.8%
อย่างไรก็ตาม หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ปิดตลาดอ่อนแรงลง 0.42% ท่ามกลางความวิตกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ว่า พนักงานหลายร้อยคนของบริษัทกูเกิล อิงค์ที่อยู่ตามสำนักงานต่างๆมากกว่า 20 แห่งทั่วโลก ได้ผละงานเพื่อประท้วงเมื่อวานนี้ เพื่อต่อต้านพฤติกรรมการละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้นในบริษัท โดยรายงานระบุว่า กูเกิลได้พยายามปกป้องผู้บริหารที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมละเมิดทางเพศ ด้วยการยังคงว่าจ้างเป็นพนักงานต่อไป หรือให้ออกโดยมีการจ่ายเงินชดเชยจำนวนมาก
หุ้นดาวดูปองท์ พุ่งขึ้น 8.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 74 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 71 เซนต์ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประกาศแผนซื้อคืนหุ้นมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์
หุ้นเทวา ฟาร์มาซูติคัล ทะยานขึ้น 15% หุ้นไบโอเมด พุ่งขึ้น 11% และหุ้นเชิร์ช แอนด์ ดไวท์ พุ่งขึ้น 9.3% หลังจากทั้ง 3 บริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 3
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 214,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ใกล้ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2512
ทางด้านไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.7 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน จากระดับ 55.6 ในเดือนก.ย.
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. โดยจะต่ำกว่าระดับ 201,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับเฉลี่ยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในนี้ ได้แก่ ดุลการค้าเดือนก.ย. และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย.