ดัชนีดาวโจนส์ล่าสุดทะยานเกือบ 400 จุด ทะลุระดับ 26,000 จุดในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ส่งสัญญาณความร่วมมือกับพรรคเดโมแครตในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนขานรับความชัดเจนหลังการเลือกตั้งกลางเทอมในสหรัฐ ซึ่งผลการเลือกตั้งเป็นไปตามที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้
ณ เวลา 01.11 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,025.92 จุด เพิ่มขึ้น 390.91 จุด หรือ 1.52%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จัดการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวในวันนี้ หลังการเลือกตั้งกลางเทอมในสหรัฐ โดยพรรคเดโมแครตสามารถกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ขณะที่พรรครีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์แสดงความหวังว่า เขาจะสามารถทำงานร่วมกับพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสในประเด็นต่างๆ นับตั้งแต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ไปจนถึงการควบคุมราคายา
"ผมหวังว่าเราจะสามารถทำงานด้วยกันในปีหน้าเพื่อประโยชน์สุขของชาวอเมริกัน รวมถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจ, โครงสร้างพื้นฐาน, การค้า และการลดราคายาตามใบสั่งแพทย์" ปธน.ทรัมป์กล่าว"พรรคเดโมแครตจะมาหาเราพร้อมกับแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน, แผนการเกี่ยวกับโครงการรักษาสุขภาพ และแผนการใดๆที่พวกเขากำลังพิจารณา ซึ่งเราจะทำการหารือกัน" ปธน.ทรัมป์กล่าวทั้งนี้ โครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานถือเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือที่อาจเกิดขึ้นระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ซึ่งที่ผ่านมา สมาชิกของทั้งสองพรรคต่างเรียกร้องให้มีการปรับปรุงสะพาน, ถนน และสนามบิน
ราคาหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมและวัสดุก่อสร้างพุ่งขึ้นในวันนี้ หลังจากที่นายมิทช์ แมคคอนเนล ซึ่งเป็นผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวว่า เขาเชื่อว่าพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันจะสามารถทำงานร่วมกันในสภาคองเกรส
หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์พุ่งขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และจากความหวังที่ว่า การที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จะสามารถขัดขวางนโยบายกีดกันทางการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าพรรคเดโมแครตจะสามารถทำงานร่วมกับปธน.ทรัมป์ในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
นักลงทุนเชื่อว่าการที่พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันแบ่งกันครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรส จะเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับตลาดหุ้น เนื่องจากการที่พรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นการช่วยตรวจสอบ ถ่วงดุล และคานอำนาจฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสกัดนโยบายที่สุดโต่งและมีผลกระทบต่อตลาดของรัฐบาล เช่น นโยบายกีดกันทางการค้า และการทำสงครามการค้ากับประเทศคู่ค้า ขณะที่พรรคเดโมแครตจะสนับสนุนนโยบายที่เป็นมิตรต่อตลาด
นอกจากนี้ สถิติในอดีตที่ผ่านมาเกี่ยวกับการปรับตัวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทต่อผลการเลือกตั้งในสหรัฐพบว่า ตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนดีที่สุดเมื่อพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันแบ่งกันครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรส
ทั้งนี้ ในกรณีที่ประธานาธิบดีมาจากพรรครีพับลิกัน ส่วนพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันแบ่งกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ก็จะส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทน 12% ต่อปี ซึ่งการเลือกตั้งกลางเทอมในครั้งนี้ ก็ออกมาสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อตลาดวอลล์สตรีท
นอกจากนี้ ในกรณีที่ประธานาธิบดีมาจากพรรคเดโมแครต ส่วนพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันแบ่งกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ก็จะส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทนมากถึง 16% ต่อปี
ขณะเดียวกัน หากประธานาธิบดีมาจากพรรครีพับลิกัน ส่วนพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ก็จะทำให้ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทน 8.6% ต่อปี
นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้และพรุ่งนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้