ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงเกือบ 250 จุด หลุดระดับ 26,000 ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าการทรุดตัวของราคาน้ำมันจะเป็นการบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้ปรับตัวลง จากความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 01.03 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,947.47 จุด ลดลง 243.75 จุด หรือ 0.93%
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มพุ่งขึ้นมากกว่า 3%
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.00-2.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ พร้อมกับส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ยังคงปรับตัวลงในวันนี้ หลุดระดับ 60 ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ขณะที่ตลาดน้ำมันเข้าสู่ภาวะหมี
ณ เวลา 19.09 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ดิ่งลง 99 เซนต์ หรือ 1.63% สู่ระดับ 59.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันทรุดลงมากกว่า 20% นับตั้งแต่ต้นเดือนต.ค. ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด และความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลต่อเศรษฐกิจจีน หลังจากที่สมาคมอุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนรายงานว่า ยอดขายรถยนต์ดิ่งลง 11.7% ในเดือนที่แล้ว โดยยอดขายรถยนต์ร่วงลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ