ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงเล็กน้อยในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในวันพรุ่งนี้
ณ เวลา 22.03 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,308.48 จุด ลดลง 30.36 จุด หรือ 0.12%
ถึงแม้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในวันนี้ แต่เมื่อพิจารณาทั้งสัปดาห์นี้มีแนวโน้มทำสถิติพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2559
นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ คาดหวังว่า การเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในวันพรุ่งนี้ จะประสบผลสำเร็จ
นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิงในวันพรุ่งนี้ในการหารือนอกรอบการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โดยปธน.ทรัมป์มีกำหนดรับประทานอาหารค่ำร่วมกับปธน.สี จิ้นผิง ขณะที่ผู้นำทั้งสองจะเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างกัน โดยปธน.ทรัมป์จะเจรจาในประเด็นการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา, กรรมสิทธิ์ของบริษัทสหรัฐในจีน และการตั้งกำแพงการค้าทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับภาษี
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนวิตกว่าการประชุมระหว่างปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิงจะมีบรรยากาศที่ตึงเครียด เนื่องจากหนังสือพิมพ์เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์รายงานว่า นายปีเตอร์ นาวาร์โร ซึ่งเป็นที่ปรึกษานโยบายการค้าประจำทำเนียบขาว จะเข้าร่วมในการประชุมดังกล่าว โดยนายนาวาร์โรนับเป็นที่ปรึกษานโยบายการค้าที่มีจุดยืนแข็งกร้าวต่อจีน โดยเขาเคยกล่าวในช่วงต้นเดือนนี้ว่า การทำข้อตกลงการค้ากับจีน จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของปธน.ทรัมป์ ไม่ใช่เงื่อนไขของตลาดวอลล์สตรีท
การมีนายนาวาร์โรเข้าร่วมการประชุมพร้อมกับปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง ได้ทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกว่าอาจทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าในการเจรจาดังกล่าว
นายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินเนอาโพลิส กล่าวว่า เฟดไม่ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ
นายแคชแครีเตือนว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป มีความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย
ประธานเฟดมินเนอาโพลิสแนะนำให้เฟดมีท่าทีรอดูต่อไป โดยให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในกรณีที่เงินเฟ้อพุ่งขึ้น หรือค่าจ้างดีดตัวขึ้น
นอกจากนี้ นายแคชแครียังระบุว่า อัตราดอกเบี้ยกำลังเข้าใกล้ระดับที่เป็นกลาง ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด และนายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด
ขณะเดียวกัน นายแคชแครีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะไม่ขยายตัวเกิน 2% มากนักในระยะยาว
นายแคชแครีไม่ได้เป็นสมาชิกที่มีสิทธิลงคะแนนในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ในปีนี้ และปีหน้า แต่ในปีที่แล้ว นายแคชแครีลงคะแนนเสียงคัดค้านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้ง 3 ครั้ง โดยระบุว่า เฟดยังไม่ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเงินเฟ้อไม่ได้สร้างปัญหา