ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 400 จุดในวันนี้ หลังจากทรุดตัวเกือบ 800 จุดเมื่อวันอังคาร ส่งผลให้ดาวโจนส์ปรับตัวลงมากกว่า 1,000 จุดในช่วงเวลาเพียง 2 วันทำการ
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดทำการวานนี้ เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่นายจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีคนที่ 41 ของสหรัฐ ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมในวัย 94 ปี เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 30 พ.ย.
ณ เวลา 21.53 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,570.85 จุด ลดลง 456.22 จุด หรือ 1.82%
นักลงทุนกังวลว่าข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะบานปลาย จากการที่เจ้าหน้าที่แคนาดาทำการจับกุมตัวประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ตามการเรียกร้องของทางการสหรัฐ
ทางการแคนาดาได้จับกุมตัวนางเหม็ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตามคำขอของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เนื่องจากคาดว่าทางบริษัทอาจลักลอบขายสินค้าให้กับอิหร่าน ซึ่งถูกสหรัฐคว่ำบาตร
แคนาดาจะส่งตัวนางเหม็งไปดำเนินคดียังสหรัฐต่อไป
ทางด้านสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำแคนาดา ได้ออกแถลงการณ์วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลแคนาดา พร้อมกับเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวผู้บริหารระดับสูงรายนี้โดยเร็ว
ข่าวการจับกุมตัวครั้งนี้คาดว่าจะทำให้สถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนทวีความรุนแรงมากขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการทรุดตัวของราคาน้ำมันในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ โดยทรุดตัวกว่า 4% หลุดระดับ 51 ดอลลาร์ หลังจากที่ซาอุดีอาระเบียเสนอให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับลดกำลังการผลิตน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
นายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานซาอุดีอาระเบีย เสนอให้โอเปกปรับลดกำลังการผลิตเพียง 1 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งต่ำกว่าที่ซาอุดีอาระเบียระบุก่อนหน้านี้ว่า โอเปกควรลดกำลังการผลิตอย่างน้อย 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน
แหล่งข่าวจากโอเปกกล่าวว่า สมาชิก 15 ชาติของโอเปกเห็นพ้องกันในหลักการเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน แต่โอเปกจะยังไม่เปิดเผยรายละเอียดดังกล่าว จนกว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงกับรัสเซียในวันพรุ่งนี้
สำนักข่าวดาวโจนส์รายงานว่า โอเปกจะยังไม่ประกาศระดับการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันอย่างเป็นทางการในวันนี้ จนกว่าจะมีการประชุมกับประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกในวันพรุ่งนี้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังกังวลต่อการเกิดภาวะ inverted yield curve ในตลาดพันธบัตร ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว และบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่จะตามมา
ณ เวลา 22.21 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 2.709% โดยสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.699%