ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 79.40 จุด วิตกข้อพิพาทสหรัฐ-จีนบานปลาย

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 7, 2018 06:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) เนื่องจากความกังวลที่ว่า ข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจบานปลาย หลังจากทางการแคนาดาได้จับกุมตัวผู้บริหารของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ตามคำเรียกร้องของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลซึ่งระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,947.67 จุด ลดลง 79.40 จุด หรือ -0.32% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,695.95 จุด ลดลง 4.11 จุด หรือ -0.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,188.26 จุด เพิ่มขึ้น 29.83 จุด หรือ +0.42%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า ข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากทางการแคนาดาได้จับกุมตัวนางเหม็ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตามคำขอของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เนื่องจากคาดว่าทางบริษัทอาจลักลอบขายสินค้าให้กับอิหร่าน ซึ่งถูกสหรัฐคว่ำบาตร ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำแคนาดาได้ออกแถลงการณ์วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลแคนาดา พร้อมกับเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวผู้บริหารระดับสูงรายนี้โดยเร็ว

นายเจมส์ เลวิส อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ ซึ่งปัจุบันเป็นผู้อำนวยการด้านเทคโนโลยีของศูนย์การศึกษาระหว่างประเทศและยุทธศาสตร์ในสหรัฐ ได้ออกมาเตือนว่า หัวเว่ยเป็นหนึ่งในบริษัทที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหัวเว่ยครั้งนี้ อาจทำให้รัฐบาลจีนเปิดฉากตอบโต้ ด้วยการจับกุมตัวผู้บริหารของบริษัทสหรัฐด้วยเช่นกัน

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลง 2.7% อันเนื่องมาจากการที่ผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.3% หุ้นเชฟรอน ลดลง 1.06% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ดิ่งลง 3.07% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงลง 1.5% หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม ร่วงลง 3.6% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 5.9 และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 4.7%

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 0.12% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ร่วงลง 1.9% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ดิ่งลง 3.5% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.2% และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 1.3%

ส่วนหุ้นของบริษัทที่มีความอ่อนไหวของข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐนั้น ปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.1% หุ้นที่หุ้น JD.com ร่วงลง 1% และหุ้นไป่ตู้ ร่วงลง 1.1% ขณะที่หุ้นผู้ผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ร่วงลง โดยหุ้น Xilnix ดิ่งลง 2.5% และหุ้นบรอดคอม ร่วงลง 2.1%

อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล ซึ่งระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดอาจพิจารณาชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า โดยเฟดจะทำการประเมินภาวะเศรษฐกิจหลังจากที่ได้ดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วหลายครั้งในปีนี้

ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดจะประชุมในวันที่ 18-19 ธ.ค.นี้ ขณะที่กระแสคาดการณ์ส่วนใหญ่บ่งชี้ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 สำหรับปีนี้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ รวมถึงคำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 2.1% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.7% สู่ระดับ 5.55 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2551 และเป็นการขาดดุลเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.50 หมื่นล้านดอลลาร์

ทางด้านออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 179,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. จากระดับ 225,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 195,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.7%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ