ดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวกกว่า 300 จุด บ่งชี้วอลล์สตรีทพุ่งรับ CPI, คลายกังวลสงครามการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 12, 2018 21:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าพุ่งขึ้นต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทะยานกว่า 300 จุด บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

นอกจากนี้ การเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ทรงตัวของสหรัฐ ก็ได้ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ณ เวลา 21.04 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 313 จุด หรือ 1.28% สู่ระดับ 24,735 จุด

หุ้นโบอิ้งและแคทเธอร์ พิลลาร์พุ่งขึ้น 1% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ โดยหุ้นของบริษัททั้งสองถือเป็นตัวชี้วัดการค้าของสหรัฐ เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศ

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า จีนเตรียมเพิ่มการเปิดตลาดให้แก่บริษัทสหรัฐ อันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังดำเนินไปด้วยดี และเขาพร้อมจะแทรกแซงกรณีการจับกุมตัวนางเมิ่ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี หากจะช่วยให้สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน

นอกจากนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลจีนกำลังเตรียมดำเนินการปรับลดอัตราภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐ

แหล่งข่าวระบุว่า คณะรัฐมนตรีจีนเตรียมพิจารณาข้อเสนอปรับลดอัตราภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐ ลงสู่ระดับ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 40%

ขณะเดียวกัน การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันก็ได้เป็นปัจจัยบวกต่อตลาด จากการคาดการณ์ที่ว่า การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะช่วยให้ตลาดมีเสถียรภาพ

ณ เวลา 18.56 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.74% สู่ระดับ 52.55 ดอลลาร์/บาร์เรล

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวที่อ่อนแอที่สุดในรอบ 8 เดือน และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค.

นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 18-19 ธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 สำหรับปีนี้ แต่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ทรงตัว และการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ซบเซาในเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ