ดาวโจนส์ร้อนแรงพุ่งกว่า 300 จุด รับข่าวจีนเตรียมเปิดตลาด,เฟดไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 12, 2018 22:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันนี้ ขานรับข่าวที่ว่า จีนเตรียมเปิดตลาดให้บริษัทต่างชาติมากขึ้น

นอกจากนี้ ดาวโจนส์ยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ทรงตัวของสหรัฐ

ณ เวลา 22.12 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,699.06 จุด เพิ่มขึ้น 328.82 จุด หรือ 1.35%

หุ้นโบอิ้งและแคทเธอร์ พิลลาร์พุ่งขึ้น 1.5% ในวันนี้ โดยหุ้นของบริษัททั้งสองถือเป็นตัวชี้วัดสภาวะการค้าของสหรัฐ เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศ

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า จีนกำลังเตรียมทดแทนนโยบาย "Made in China 2025" ด้วยนโยบายใหม่ที่จะทำให้บริษัทต่างชาติสามารถเข้าสู่ตลาดจีนได้มากขึ้น

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงต้องการใช้นโยบาย "Made in China 2025" ในการกระตุ้นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงในประเทศ แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายดังกล่าวว่าเป็นนโยบายกีดกันทางการค้า

แหล่งข่าวระบุว่า นโยบายใหม่ของจีนที่จะทดแทนนโยบาย "Made in China 2025" จะทำให้จีนลดเป้าหมายในการเป็นผู้นำในภาคการผลิต โดยจีนอาจใช้นโยบายใหม่ในต้นปีหน้า ขณะที่สหรัฐและจีนจะเร่งการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งทางการค้าระหว่างกัน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังดำเนินไปด้วยดี และเขาพร้อมจะแทรกแซงกรณีการจับกุมตัวนางเมิ่ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี หากจะช่วยให้สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน

นอกจากนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลจีนกำลังเตรียมดำเนินการปรับลดอัตราภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐ

แหล่งข่าวระบุว่า คณะรัฐมนตรีจีนเตรียมพิจารณาข้อเสนอปรับลดอัตราภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐ ลงสู่ระดับ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 40%

ขณะเดียวกัน การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันก็ได้เป็นปัจจัยบวกต่อตลาด จากการคาดการณ์ที่ว่า การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะช่วยให้ตลาดมีเสถียรภาพ

ณ เวลา 18.56 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.74% สู่ระดับ 52.55 ดอลลาร์/บาร์เรล

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวที่อ่อนแอที่สุดในรอบ 8 เดือน และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค.

นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 18-19 ธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 สำหรับปีนี้ แต่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ทรงตัว และการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ซบเซาในเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ