ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งกว่า 100 จุด บ่งชี้วอลล์สตรีทฟื้นตัวคืนนี้ หลังทรุดตัวก่อนหน้านี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 18, 2018 21:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะฟื้นตัวขึ้นในคืนนี้ หลังจากที่ทรุดตัวลงในระยะนี้

ณ เวลา 20.54 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 128 จุด หรือ 0.54% สู่ระดับ 23,013 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงกว่า 1,000 จุดในการซื้อขายเพียง 2 วันในวันศุกร์และเมื่อวานนี้ จากการที่นักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ เพื่อพยายามกดดันเฟด ก่อนที่จะเริ่มการประชุม 2 วันในวันนี้ โดยเตือนว่า เฟดอย่าได้ทำผิดพลาดอีก และให้เข้าใจความรู้สึกของตลาด

"ผมหวังว่าเจ้าหน้าที่เฟดจะอ่านบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลฉบับวันนี้ ก่อนที่พวกเขาจะทำผิดพลาดอีกครั้งหนึ่ง และอย่าได้ทำให้ตลาดขาดสภาพคล่องมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ขอให้เข้าใจความรู้สึกของตลาด อย่าได้ดำเนินการตามตัวเลขที่ไม่มีความหมาย ขอให้โชคดี" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.25-2.50% หลังจากสิ้นสุดการประชุมวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้

การทวีตของปธน.ทรัมป์ในวันนี้มีขึ้น หลังจากที่เขาเพิ่งทวีตข้อความเมื่อวานนี้ ระบุว่า เขาคิดว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ที่เฟดกำลังคิดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่ง

"มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ว่า ในขณะที่ดอลลาร์กำลังแข็งค่าขึ้นอย่างมาก และแทบไม่มีเงินเฟ้อ ส่วนโลกภายนอกก็กำลังวุ่นวายรอบตัวเรา กรุงปารีสกำลังถูกคนเผา และจีนอยู่ในช่วงขาลง แต่เฟดกำลังคิดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่ง โดยหวังจะเอาชนะ" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ดัชนีดาวโจนส์ และดัชนี S&P 500 มีแนวโน้มปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในเดือนธ.ค.ปีนี้นับตั้งแต่ปี 2474 ซึ่งขณะนั้นตลาดหุ้นวอลล์สตรีททรุดตัวลงจากการที่สหรัฐกำลังประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่

ขณะนี้ ดัชนีดาวโจนส์ และดัชนี S&P 500 ร่วงลง 7.8% และ 7.6% นับตั้งแต่ต้นเดือนนี้ ตามลำดับ

ที่ผ่านมา เดือนธ.ค.มักเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวได้ดี โดยดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงในเดือนธ.ค.เพียง 25 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 2474 ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้นเฉลี่ย 1.6% ในเดือนธ.ค. ซึ่งถือเป็นเดือนที่ปรับตัวดีที่สุดของปี

นายจอห์น สโตลฟัส หัวหน้านักวิเคราะห์ของออพเพนไฮน์เมอร์ แอสเซท แมเนจเมนท์ กล่าวว่า โอกาสที่จะเกิดปรากฎการณ์ "ซานตา คลอส แรลลี่" ในตลาดหุ้นปีนี้ ดูเหมือนจะลดน้อยลง ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 9 วันทำการก็จะสิ้นปีนี้

นายสโตลฟัสกล่าวว่า นักลงทุนยังคงไม่เชื่อมั่นในตลาดหุ้น แม้ว่ามีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีราคาหุ้นที่ต่ำ

ก่อนหน้านี้ นายสโตลฟัสคาดการณ์ในช่วงต้นเดือนนี้ว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้น 7% ในช่วงปลายปี โดยได้แรงหนุนจากซานตา คลอส แรลลี่ ขณะที่ระบุว่า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งถูกเทขายในช่วงเดือนต.ค. และมีการปรับตัวที่ผันผวนในเดือนพ.ย. ยังคงเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ และการกลับมาเจรจาการค้าครั้งใหม่ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงถือเป็นสัญญาณที่ดี

ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจในระยะนี้ได้ส่งผลให้นักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และเป็นปัจจัยจำกัดผลตอบแทนในตลาดหุ้น ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงเกือบ 500 จุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่จีนเปิดเผยตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ตามสถิติที่ผ่านมา ซานต้า แรลลี่ของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยมีขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่

จากการรวบรวมสถิติการปรับตัวของตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วง 7 วันของซานต้า แรลลี่ พบว่า ดัชนีดาวโจนส์สามารถปิดตลาดในแดนบวกถึง 78% นับตั้งแต่ปี 2471 หรือในช่วงเวลาเกือบ 90 ปีที่ผ่านมา

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้นสวนทางคาดการณ์ในเดือนพ.ย. โดยเพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.256 ล้านยูนิต จากระดับ 1.217 ล้านยูนิตในเดือนต.ค. นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะลดลงสู่ระดับ 1.225 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ