ดาวโจนส์พลิกร่วงแดนลบ หลังดีดตัวแรงช่วงแรก ขณะนลท.ยังไม่มั่นใจตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 26, 2018 22:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พลิกร่วงลงสู่แดนลบจากที่พุ่งขึ้นไปถึงกว่า 200 จุดหลังเปิดตลาดไม่นาน เนื่องจากหุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับภาวะผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินสหรัฐในช่วงที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์ไม่แน่นอนทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติชัตดาวน์ ข้อมูลเศรษฐกิจ และผลพวงจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

ณ เวลา 22.34 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 21,763.00 จุด ลดลง 29.20 หรือ -0.13%

หุ้นอเมซอนพุ่งขึ้นและช่วยดันหุ้นกลุ่มค้าปลีกให้ปรับตัวสูงขึ้นด้วย หลังบริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่เผยยอดขายสดใสช่วงเทศกาลวันหยุด อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มการเงินยังคงร่วงต่อเนื่องเป็นวันที่ 14 ในรอบ 15 วันทำการ

ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดวันนี้ดีดตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักติดต่อกัน 4 วันทำการก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองในสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะชัตดาวน์ และมีความเป็นไปได้ว่าสถานการณ์ชัตดาวน์จะยืดเยื้อไปจนถึงวันที่ 3 ม.ค.ปีหน้า เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ปฏิเสธที่จะลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณที่ไม่รวมงบประมาณการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังกังวลต่อกรณีที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้แสดงความไม่พอใจต่อนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด และมีข่าวลือว่าปธน.ทรัมป์ต้องการปลดนายพาวเวลออกจากตำแหน่ง หลังจากที่เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ และส่งสัญญาณว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า

ทั้งนี้ หลังดีดตัวแรงในช่วงเปิดตลาด แต่เพียงไม่นานดัชนีก็เริ่มลดช่วงบวก จนกระทั่งพลิกกลับมาเคลื่อนไหวในแดนลบ และยังคงแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบๆ ระหว่างแดนบวกและแดนลบ

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค. โดยผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งชะลอตัวลงจากที่เพิ่มขึ้น 5.2% ในเดือนก.ย. และนับเป็นการชะลอตัวเดือนที่ 7 ติดต่อกัน

ข้อมูลล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นว่า อุปสงค์ในตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐอ่อนแรง อันเนื่องมาจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านที่สูงขึ้น รวมถึงมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้น

ด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ เปิดเผยว่า ภาคการผลิตในภูมิภาคแอตแลนติกตอนกลางหดตัวลงในเดือนธ.ค. ซึ่งสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้

เฟด ริชมอนด์ ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตร่วงลงสู่ระดับ -8 ในเดือนธ.ค. จากระดับ +14 ในเดือนพ.ย. ขณะที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ +15

ดัชนีที่มีค่าสูงกว่า 0 บ่งชี้ถึงภาวะขยายตัว หากต่ำกว่า 0 บ่งชี้ภาวะหดตัว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ