ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 260.37 จุดรับแรงซื้อช่วงท้ายตลาด หุ้นวัสดุ-อุตสาหกรรมพุ่งแรง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 28, 2018 06:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนส่งแรงซื้อเข้าหนุนในช่วงท้ายของการซื้อขาย โดยหุ้นกลุ่มวัสดุและกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งสุด ขานรับความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มพลังงานยังคงปิดในแดนบวก อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงอยู่ในท่าทีระมัดระวังการซื้อขายและจับตาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองในสหรัฐอย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมถึงวิกฤติชัตดาวน์ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อไปจนถึงปีหน้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,138.82 จุด พุ่งขึ้น 260.37 จุด หรือ +1.14% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,488.83 จุด เพิ่มขึ้น 21.13 จุด หรือ +0.86% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,579.49 จุด เพิ่มขึ้น 25.14 จุด หรือ +0.38%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนส่งแรงซื้อเข้าหนุนในช่วงท้ายตลาด หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์แกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน โดยหุ้นกลุ่มวัสดุและกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นขานรับความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า คณะผู้แทนสหรัฐจะเดินทางไปเยือนจีนในวันที่ 7 ม.ค.ปีหน้า เพื่อเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่ของจีน ขณะที่นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันในเวลาต่อมาว่า จีนและสหรัฐมีแผนที่จะเจรจาการค้าในเดือนม.ค.ปีหน้า โดยเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมเจรจากันแบบหน้าต่อหน้าครั้งแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ตกลงที่จะสงบศึกการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเป็นเวลา 90 วันเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวขึ้น 1.85% โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ เพิ่มขึ้น 1.5% หุ้นซีลด์ แอร์ คอร์ป ปรับตัวขึ้น 1.3% หุ้นอัลโค อิงค์ ขยับขึ้น 0.07%

ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 1.24% โดยหุ้นโบอิ้ง ดีดตัวขึ้น 1.02% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 1.5% และหุ้นเอเค สตีล โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 1.8% หุ้น 3M พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก เพิ่มขึ้น 1.5% และหุ้นอีตัน คอร์ป พุ่งขึ้น 1.4%

ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานยังคงปิดในแดนบวก แม้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ก็ตาม โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 0.4% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 0.2% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 1.3% และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 0.9%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 0.25% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เพิ่มขึ้น 0.5% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 0.7% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 0.6% หุ้นอินเทล เพิ่มขึ้น 0.4% และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 1.04%

นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองในสหรัฐอย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมถึงการที่หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลต้องปิดทำการชั่วคราวเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือภาวะชัตดาวน์ ที่มีแนวโน้มว่าจะยืดเยื้อไปจนถึงวันที่ 3 ม.ค.ปีหน้า เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ปฏิเสธที่จะลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณที่ไม่รวมงบประมาณการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก

หนังสือพิมพ์วอลสตรีท เจอร์นัลรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในระหว่างที่หน่วยงานรัฐบาลยังคงถูกชัตดาวน์ โดยข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวรวมถึง ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP), ตัวเลขเงินเฟ้อ, รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล และยอดขายบ้านใหม่ ซึ่งล้วนแต่เป็นข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนจับตา

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเกือบแตะระดับต่ำสุดในรอบ 49 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 217,000 ราย ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 128.1 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 136.4 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐได้รับผลกระทบจากความคาดหวังที่ลดลงในเรื่องงานและสภาวะธุรกิจ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ