ดาวโจนส์พลิกร่วงแดนลบ หลังภาคบริการสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาด ขณะจับตาเจรจาการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 7, 2019 22:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พลิกร่วงลงสู่แดนลบ หลังจากเปิดตลาดปรับตัวขึ้น โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยตัวเลขดัชนีภาคบริการของสหรัฐที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนธ.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้

ณ เวลา 22.11 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,384.65 จุด ลดลง 48.51 จุด หรือ 0.21%

ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 57.6 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับตำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 59.0 หลังจากแตะระดับ 60.7 ในเดือนพ.ย.

อย่างไรก็ดี ดัชนีภาคบริการของสหรัฐยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ

ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการของ ISM ประกอบด้วยอุตสาหกรรม 17 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การก่อสร้าง และเหมืองแร่

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ISM ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 54.1 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับตำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2559 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 57.9 หลังจากแตะระดับ 59.3 ในเดือนพ.ย.

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 700 จุดในวันศุกร์ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเฟดพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงแผนการปรับลดงบดุล นอกจากนี้ ตลาดวอลล์สตรีทยังได้รับปัจจัยหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ และการผ่อนคลายความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

นายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ กล่าวในวันนี้ว่า การที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน กำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน และบั่นทอนความสามารถของทางการจีนในการสร้างงานเพื่อหลีกเลี่ยงความไม่สงบทางสังคม

คำกล่าวของนายรอสส์มีขึ้น ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนกำลังเจรจาการค้าในวันนี้ในความพยายามยุติการทำสงครามการค้าระหว่างกัน

กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงในวันนี้ว่า จีนและสหรัฐได้แสดงความกระตือรือร้นที่จะทำงานร่วมกัน และจีนก็พร้อมที่จะแก้ไขความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ บนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน

ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า ความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีนได้กระตุ้นให้ทางการจีนมีความต้องการยุติสงครามการค้ากับสหรัฐ

"ผมคิดว่าจีนต้องการให้เรื่องจบลง เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังย่ำแย่" ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว

ทั้งนี้ คณะผู้แทนของรัฐบาลสหรัฐได้เดินทางเยือนกรุงปักกิ่งในสัปดาห์นี้เพื่อเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่ของจีน

การประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายจะเป็นการเจรจาแบบหน้าต่อหน้าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ตกลงที่จะสงบศึกการค้าชั่วคราวเป็นเวลา 90 วันเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา

นายเจฟฟรีย์ เกอร์ริช รองผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เป็นผู้นำคณะผู้แทนจากสหรัฐในการเจรจาการค้ากับจีนในวันที่ 7-8 ม.ค. โดยทั้งสองฝ่ายจะหารือเกี่ยวกับความพยายามในการบรรลุข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาททางการค้า ต่อจากที่เจรจากันไว้นอกรอบการประชุม G20 ที่อาร์เจนตินา

ทางด้านนายโจเซฟ ไซเดิล นักวิเคราะห์จากแบล็ค สโตน กรุ๊ป แสดงความเชื่อมั่นว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในปีนี้ และแนะนำนักลงทุนให้เข้าช้อนซื้อหุ้นในตลาด

"นี่เป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้น โดยเราคาดว่าดัชนี S&P 500 จะพุ่งขึ้น 15% ในปีนี้ โดยเศรษฐกิจจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย" เขากล่าว

นายไซเดิลยังระบุว่า ราคาน้ำมันได้แตะจุดต่ำสุดแล้ว และตลาดจะไม่ปรับตัวซบเซาอย่างที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ นายไซเดิลยังคาดว่าการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะยุติลงในที่สุด โดยทั้งสองฝ่ายจะทำข้อตกลงการค้าในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากทั้งจีนและสหรัฐต่างมีแรงจูงใจที่จะยุติความขัดแย้งทางการค้า

ราคาหุ้นของบริษัท Intercontinental Exchange (ICE) ซึ่งเป็นเจ้าของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ดิ่งลงในวันนี้ หลังจากมีข่าวว่า สถาบันการเงินขนาดใหญ่หลายแห่งในตลาดวอลล์สตรีทกำลังจับมือกันเพื่อจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งใหม่ ซึ่งมีต้นทุนต่ำ

ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า สถาบันการเงิน 9 แห่ง ซึ่งรวมถึงธนาคาร และบริษัทโบรกเกอร์ กำลังจับมือกันจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ Members Exchange (MEMX)

ณ เวลา 21.56 น.ตามเวลาไทย ราคาหุ้น ICE ดิ่งลง 2.78% สู่ระดับ 73.59 ดอลลาร์

วอลล์สตรีท เจอร์นัลเปิดเผยว่า สถาบันการเงินดังกล่าว ซึ่งรวมถึง Morgan Stanley, Fidelity Investments, Citadel Securities, Bank of America Merrill Lynch, UBS, Charles Schwab, E-Trade และ TD Ameritrade จะทำการยื่นขอสถานะการเป็นตลาดหลักทรัพย์ของ MEMX ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของสหรัฐในช่วงต้นปีนี้

ข่าวการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งใหม่มีขึ้น ขณะที่บริษัทในตลาดวอลล์สตรีทของสหรัฐกำลังหันไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ และมีทางเลือกในการลงทุนแบบไม่เก็บค่าธรรมเนียม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ