ดาวโจนส์ร่วงกว่า 150 จุด หุ้นสายการบิน,ค้าปลีกดิ่งนำตลาด กังวลผลประกอบการ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 10, 2019 22:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงมากกว่า 150 จุดในวันนี้ จากความกังวลต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก และสายการบิน

นอกจากนี้ การดิ่งลงของราคาน้ำมันก็เป็นอีกปัจจัยที่ถ่วงตลาดลง

ณ เวลา 21.52 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,720.69 จุด ลดลง 158.43 จุด หรือ 0.66%

หุ้นกลุ่มค้าปลีกและสายการบินร่วงลงนำตลาดวันนี้

ราคาหุ้นของอเมริกัน แอร์ไลน์ (AA) ซึ่งเป็นสายการบินขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ทรุดตัวลงกว่า 10% ในวันนี้ หลังบริษัทประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์กำไรในปีงบการเงิน 2561 และคาดว่ารายได้ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้วจะอยู่ในระดับต่ำสุดของช่วงการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ทั้งนี้ AA คาดการณ์ว่า กำไรจะลดลงสู่ระดับ 4.46-4.60 ดอลลาร์/หุ้นในปีงบการเงิน 2561 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 4.50-5.00 ดอลลาร์/หุ้น

AA จะเปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 4 และของปีงบการเงิน 2561 ในปลายเดือนนี้

ส่วนราคาหุ้นของห้างเมซี่ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลงกว่า 18% ในวันนี้ หลังบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ซบเซาในช่วงเทศกาลวันหยุดที่ผ่านมา รวมทั้งมีการปรับลดตัวเลขคาดการณ์ยอดขาย และกำไรต่อหุ้นสำหรับปีงบการเงิน 2561

ทั้งนี้ เมซี่เปิดเผยว่า ยอดขายของบริษัทผ่านทางห้างในสาขาต่างๆ รวมทั้งผ่านทางเว็บไซต์ เพิ่มขึ้นเพียง 1.1% ในช่วงเทศกาลวันหยุดในปลายปี 2561

นอกจากนี้ เมซี่ได้ปรับลดคาดการณ์ยอดขายของปีงบการเงิน 2561 โดยคาดว่าจะไม่มีการขยายตัว จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 0.3-0.7% และปรับลดตัวเลขคาดการณ์กำไรต่อหุ้น สู่ระดับ 3.95-4.00 ดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 4.10-4.30 ดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.23 ดอลลาร์

ราคาหุ้นของบริษัทโคห์ล คอร์ป ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลงในวันนี้เช่นกัน หลังบริษัทเปิดเผยว่า ยอดขายของบริษัทในช่วงเทศกาลวันหยุดที่ผ่านมามีการขยายตัวต่ำกว่าในปีก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ โคห์ลเปิดเผยว่า ยอดขายของบริษัทผ่านทางห้างในสาขาต่างๆ รวมทั้งผ่านทางเว็บไซต์ เพิ่มขึ้น 1.2% ในช่วงเทศกาลวันหยุดในปลายปี 2561 โดยต่ำกว่าระดับ 7% ในปีก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ดี บริษัทได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์กำไรต่อหุ้นสำหรับปีงบการเงิน 2561 สู่ระดับ 5.50-5.55 ดอลลาร์ จากเดิมที่ 5.35-5.55 ดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.52 ดอลลาร์

ขณะเดียวกัน นักลงทุนรอความชัดเจนของผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ทั้งนี้ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้สิ้นสุดลงเมื่อวานนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างละเอียด และครอบคลุมเกี่ยวกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่เป็นข้อกังวลร่วมกัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความเข้าใจระหว่างกันและปูทางในการแก้ไขความกังวลของแต่ละฝ่าย ขณะที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เปิดเผยว่า จีนได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะซื้อสินค้าจำนวนมากจากสหรัฐ ทั้งในด้านการเกษตร พลังงาน รวมทั้งสินค้าในภาคการผลิตและบริการ ซึ่งทาง USTR จะหามาตรการเพื่อทำให้มั่นใจว่า จีนจะดำเนินการตามที่ได้ให้สัญญาไว้

ส่วนในอนาคตอันใกล้ สหรัฐและจีนจะจัดการประชุมระดับรัฐมนตรี โดยนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเข้าร่วมการประชุม

อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการประกาศกำหนดการเจรจาการค้าในรอบต่อไปของทั้ง 2 ฝ่าย

หากสหรัฐและจีนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนวันที่ 2 มี.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 17,000 ราย สู่ระดับ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 225,000 ราย

ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 2,500 ราย สู่ระดับ 221,750 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

สำหรับจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 ธ.ค. มีจำนวนลดลง 28,000 ราย สู่ระดับ 1.72 ล้านราย

ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 15,250 ราย สู่ระดับ 1.72 ล้านราย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ