ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 141.57 จุด หลังหุ้นแบงก์พุ่งรับผลประกอบการ"โกลด์แมน แซคส์"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 17, 2019 06:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) หลังจากธนาคารรายใหญ่อย่างโกลด์แมน แซคส์ และแบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงกว่าคาด โดยรายงานดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น และสามารถสกัดปัจจัยลบจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,207.16 จุด พุ่งขึ้น 141.57 จุด หรือ +0.59% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,616.10 จุด เพิ่มขึ้น 5.80 จุด หรือ +0.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,034.69 จุด เพิ่มขึ้น 10.86 จุด หรือ +0.15%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นหลังจากโกลด์แมน แซคส์เปิดเผยกำไรในไตรมาส 4 ที่ระดับ 6.04 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.30 ดอลลาร์/หุ้น และรายได้อยู่ที่ระดับ 8.08 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.55 พันล้านดอลลาร์

ขณะที่แบงก์ ออฟ อเมริกาเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4 ที่ระดับ 73 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 63 เซนต์/หุ้น และรายได้อยู่ที่ระดับ 2.27 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.23 หมื่นล้านดอลลาร์

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารายใหญ่ทั้ง 2 แห่งได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ทะยานขึ้น 9.5% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 7.2% หุ้นซิตี้กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 1.3% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 3.7% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก เพิ่มขึ้น 2.7% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส เพิ่มขึ้น 0.8%

หุ้นแบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในโลก พุ่งขึ้น 3.1% แม้บริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยกำไรในไตรมาส 4 ลดลงเกือบ 60% สู่ระดับ 927 ล้านดอลลาร์ หรือ 6.08 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.27 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 3.434 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เช่นกัน

หุ้นเซียร์ส โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ และเป็นเจ้าของห้างเซียร์สและเคมาร์ท ปิดตลาดทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 55.7% หลังจากนายเอ็ดดี้ แลมเพิร์ท ประธานบริษัทเซียร์ส โฮลดิ้งส์ สามารถชนะการประมูลซื้อกิจการเซียร์ส เพื่อกอบกู้สถานะทางการเงินของบริษัทให้พ้นจากภาวะล้มละลาย โดยการชนะประมูลของนายแลมเพิร์ทจะช่วยให้ห้างเซียร์ส ซึ่งมีอายุ 126 ปี และมีสาขา 425 แห่งในสหรัฐ ยังคงเปิดดำเนินกิจการต่อไปได้ และช่วยให้พนักงานจำนวน 45,000 ตำแหน่งรอดพ้นจากการตกงาน

หุ้นชาร์ลส์ ชวาบ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นธนาคารและบริษัทโบรกเกอร์ที่ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย พุ่งขึ้น 5.5% ขณะที่หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการสายการบินรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 6.4% หลังจากทั้ง 2 บริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 4 ที่สูงกว่าคาด

หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง 6.2% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า กำไรในไตรมาส 4 จะอยู่ที่ 1.30 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของ FactSet ซึ่งอยู่ที่ 1.33 ดอลลาร์/หุ้น

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่สมาชิกสภาสามัญชนของอังกฤษลงมติด้วยคะแนนเสียง 325-306 เสียง ให้ความไว้วางใจต่อรัฐบาลของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยหลังจากนี้ นางเมย์จะต้องนำเสนอแผนการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ฉบับใหม่ต่อรัฐสภาภายในวันที่ 21 ม.ค. หลังจากรัฐสภาได้ลงมติคว่ำร่างข้อตกลง Brexit ของนางเมย์เมื่อวานนี้

นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐที่ล่วงเข้าสู่วันที่ 27 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมห์ และแกนนำพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรส ยังไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเพิ่มขึ้น 2 จุด สู่ระดับ 58 ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน แต่เมื่อเทียบรายปี ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านร่วงลง 14 จุดในเดือนม.ค. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคานำเข้าร่วงลงเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนธ.ค. โดยปรับตัวลง 1.0% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากดิ่งลง 1.9% ในเดือนพ.ย.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนม.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ