ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 171.14 จุด ขานรับผลประกอบการแข็งแกร่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 24, 2019 06:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) และยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานานกว่า 1 เดือน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,575.62 จุด เพิ่มขึ้น 171.14 จุด หรือ +0.70% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,025.77 จุด เพิ่มขึ้น 5.41 จุด หรือ +0.08% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,638.70 จุด เพิ่มขึ้น 5.80 จุด หรือ +0.22%

ตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นขานรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึง P&G บริษัทจำหน่ายสินค้าเพื่อผู้บริโภค, คอมแคสต์ บริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ, อินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส แมชชีน (IBM) บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ และยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ บริษัทยักษ์ใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินของแพรทท์ แอนด์ วิทนีย์, เครื่องปรับอากาศของแคร์เรียร์ และลิฟท์ของโอติส

หุ้น P&G ปิดตลาดพุ่งขึ้น 4.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า กำไรในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค. ซึ่งเป็นไตรมาส 2 ของปีงบการเงินของบริษัทนั้น อยู่ที่ระดับ 1.25 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.21 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 1.744 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.715 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยรายงานดังกล่าวช่วยหนุน

หุ้น IBM พุ่งขึ้น 8.5% หลังจากบริษัทได้ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรในปี 2562 ขึ้นสู่ระดับ 13.90 ดอลลาร์/หุ้น จากปีก่อนหน้าที่ระดับ 13.81 ดอลลาร์/หุ้น โดย IBM เชื่อมั่นว่า ธุรกิจจะขยายตัวรวดเร็วขึ้นในปีนี้ ซึ่งจะช่วยหนุนตัวเลขกำไรให้ปรับตัวสูงขึ้น หลังจากบริษัทเผชิญภาวะผลประกอบการซบเซามาเป็นเวลานานเกือบ 6 ปี

หุ้นคอมแคสต์ พุ่งขึ้น 5.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2561 ที่ระดับ 64 เซนต์/หุ้น ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่62 เซนต์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 2.7846 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.7553 หมื่นล้านดอลลาร์

หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 5.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2561 ที่ระดับ 1.804 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.691 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนกำไรอยู่ที่ระดับ 1.95 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.53 ดอลลาร์/หุ้น

หุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.82% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.85% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 0.86% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงลง 1.2% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 1.8% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ลดลง 0.7%

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์สเตท สตรีท โกลบอล กล่าวว่า แม้ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ แต่นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยหากจีนและสหรัฐไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาที่ถาวร ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็จะเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐที่ย่างเข้าสู่วันที่ 34 ขณะที่นายเควิน แฮสเซทท์ ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจของปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจขยายตัวที่ระดับ 0% ในไตรมาสแรกปีนี้ หากภาวะชัตดาวน์ยังคงยืดเยื้อต่อไป

นักลงทุนจับตาวุฒิสภาสหรัฐเตรียมโหวตร่างกฎหมายงบประมาณ 2 ฉบับในวันนี้ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะยุติปัญหาชัตดาวน์ โดยร่างกฎหมายฉบับหนึ่งจะรวมงบประมาณสำหรับสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงิน 5.7 พันล้านดอลลาร์ ส่วนอีกฉบับหนึ่งจะเป็นร่างกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลมีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 8 ก.พ. อย่างไรก็ตาม คาดว่าร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับอาจเผชิญกับความไม่แน่นอนในวุฒิสภา โดยร่างกฎหมายแต่ละฉบับจำเป็นจะต้องได้รับการโหวต 60 เสียง จึงจะสามารถผ่านการพิจารณาได้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.และภาคบริการเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมาร์กิต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ