ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 200 จุดในวันนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 22.26 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,186.70 จุด เพิ่มขึ้น 187.03 จุด หรือ 0.75%
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค. โดยเพิ่มขึ้น 304,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 170,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ เดือนม.ค.ยังเป็นการครบรอบเดือนที่ 100 ซึ่งการจ้างงานมีการขยายตัว
ส่วนอัตราการว่างงานดีดตัวสู่ระดับ 4.0% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ระดับ 3.9%
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 3 เซนต์ หรือ 0.1% ในเดือนม.ค. โดยต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค.
เมื่อเทียบรายปี ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานทรงตัวที่ระดับ 3.2% ในเดือนม.ค.
ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 196,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 176,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับลดตัวเลขจ้างงานในเดือนธ.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 222,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 312,000 ตำแหน่ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าในเดือนม.ค. ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 296,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 8,000 ตำแหน่ง
เมื่อพิจารณาทั้งปี 2561 สหรัฐมีการจ้างงานนอกภาคเกษตรรวม 2.6 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2558 และสูงกว่าระดับ 2.2 ล้านตำแหน่งในปี 2560 ขณะที่มีการจ้างงานเฉลี่ยรายเดือนที่ระดับ 223,000 ตำแหน่ง
นักลงทุนยังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยทางการจีนได้เผยแพร่แถลงการณ์ หลังเสร็จสิ้นการเจรจาการค้าระหว่างคณะผู้แทนจีนและสหรัฐว่า "การเจรจาการค้ารอบล่าสุดระหว่างจีนและสหรัฐ มีความคืบหน้าในประเด็นสำคัญ โดยทั้งสองฝ่ายได้เจรจากันอย่างตรงไปตรงมา เฉพาะเจาะจง และมีผลลัพธ์ที่ดี"
แถลงการณ์ระบุว่า จีนตกลงจะนำเข้าผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร, พลังงาน รวมทั้งบริการและสินค้าอุตสาหกรรมจากสหรัฐเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในด้านทรัพย์สินทางปัญญาและการถ่ายทอดเทคโนโลยี
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะพบปะกันในเดือนนี้เพื่อให้มีการบรรลุข้อตกลงทางการค้า
ทั้งนี้ การประชุมระหว่างปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิงในเดือนนี้ ถือว่ามีความสำคัญต่อการเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน เนื่องจากหากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนวันที่ 1 มี.ค. ปธน.ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดเผยภาคการผลิตที่สดใสของสหรัฐ
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.9 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 53.8 ในเดือนธ.ค.
การปรับตัวขึ้นของดัชนี PMI ได้รับปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน
ดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังคงมีการขยายตัว