ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับผลประกอบการแกร่ง,ความหวังเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 14, 2019 07:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการและแนวโน้มธุรกิจเชิงบวกจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของยุโรป ซึ่งรวมถึงแอคโซ โนเบล และไฮเนเก้น นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับความหวังเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน รวมถึงแนวโน้มที่จะไม่เกิดภาวะการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ (ชัตดาวน์) รอบ 2 ในสัปดาห์นี้

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.6% ปิดที่ 364.97 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,167.22 จุด เพิ่มขึ้น 41.14 จุดหรือ +0.37% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,190.84 จุด เพิ่มขึ้น 57.70 จุดหรือ +0.81% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,074.27 จุด เพิ่มขึ้น 17.92 จุดหรือ +0.35%

ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า เขาจะพิจารณาเลื่อนกำหนดเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจากเดิมในวันที่ 1 มี.ค.ออกไป หากคณะเจรจาของสหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าในไม่ช้า

ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์กำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าในวันที่ 1 มี.ค. ซึ่งหากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงก่อนวันดังกล่าว ปธน.ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้

นายโรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ จะเป็นผู้นำคณะเจรจาการค้ากับจีนในวันที่ 14-15 ก.พ. ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีกำหนดพบปะกับคณะเจรจาการค้าของสหรัฐในวันศุกร์นี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความกังวลเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ของสหรัฐ หลังจากตัวแทนการเจรจาจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวในการหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 15 ก.พ. โดยที่ประชุมเห็นพ้องกันในการสร้างรั้ววงเงิน 1.4 พันล้านดอลลาร์ ความยาวมากกว่า 55 ไมล์ แต่ไม่ใช่กำแพงคอนกรีตที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องการ

สำหรับปัจจัยบวกทางฝั่งยุโรปนั้น นักลงทุนได้ปรับตัวรับข่าว Brexit ในเชิงบวก หลังจากที่ปรึกษาอาวุโสของนายกรัฐมนตรีเทเรซ่า เมย์ เปิดเผยแผนการที่อาจจะทำให้การออกจากสหภาพยุโรปล่าช้าออกไป ส่วนในสเปนนั้น รัฐบาลเสียงข้างน้อยอาจต้องจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ หากพ่ายแพ้ในการลงมติเรื่องงบประมาณที่สำคัญ

หุ้นแอคโซ โนเบล ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ของเนเธอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 3.7% หลังเปิดเผยผลกำไรเพิ่มขึ้นและแผนการซื้อหุ้นคืน 2.5 พันล้านยูโร

หุ้นอินจีนิโก กรุ๊ป กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีการชำระเงินของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 10.48% โดยเป็นหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในตลาดยุโรป หลังบริษัทประกาศแผนปรับปรุงกิจการในวันที่ 12 ก.พ. หลังกำไรสุทธิร่วงลง 26% ในปี 2561 ขณะที่ซีอีโอใหม่ของบริษัทยอมรับว่าเป็นปีที่ท้าทาย

หุ้นไฮเนเก้น ซึ่งเป็นบริษัทเบียร์รายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก พุ่งขึ้น 6% หลังรายงานผลกำไรลดลงเล็กน้อย แต่คาดว่าผลกำไรจะขยายตัวในปีนี้ แม้เศรษฐกิจมีความผันผวนก็ตาม

หุ้นอมุนดิ ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป บวก 4.36% หลังบริษัทรายงานผลประกอบการเพิ่มขึ้น แม้สินทรัพย์ที่ลงทุนลดลงในไตรมาส 4/2561 ก็ตาม

หุ้นทุลโลว์ ออยล์ บริษัทน้ำมันและก๊าซของอังกฤษ บวก 3.89% หลังบริษัทเปิดเผยว่ากลับมามีผลกำไรในปี 2561

ส่วนหุ้นเอบีเอ็น เอ็มโร ดิ่งลง 7.72% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลกำไรร่วงลง 42% ในไตรมาส 4/2561 ซึ่งแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ เนื่องจากหนี้เสียพุ่งขึ้น ขณะที่หุ้นคลาเรียนท์ เอจี ของสวิตเซอร์แลนด์ ลบ 1.37% หลังบริษัทรายงานผลประกอบการลดลงในไตรมาส 4/2561


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ