ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 63.12 จุด ขานรับรายงานประชุมเฟด,ตลาดจับตาเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 21, 2019 06:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ก.พ.) หลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนม.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องกับแนวทางการใช้ความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไป เพื่อรับมือกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความหวังว่า การเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้จะมีความคืบหน้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,954.44 จุด เพิ่มขึ้น 63.12 จุด หรือ +0.24% ขณะที่ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,784.70 จุด เพิ่มขึ้น 4.94 จุด หรือ +0.18% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,489.07 จุด เพิ่มขึ้น 2.30 จุด หรือ +0.03%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ขณะที่ดัชนี Nasdaq ทำสถิติปิดบวกติดต่อกันยาวนานเป็นวันที่ 8 เมื่อคืนนี้ หลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 29-30 ม.ค. โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องกับแนวทางที่ว่า เฟดควรใช้ความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไป ซึ่งแนวทางดังกล่าวถือเป็นขั้นตอนที่เหมาะสมในการจัดการกับความเสี่ยงและรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน อีกทั้งจะช่วยให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดมีโอกาสที่จะประเมินผลกระทบที่มีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ อันเนื่องมาจากการที่เฟดเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับที่เป็นกลางในช่วงที่ผ่านมา

รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า กรรมการเฟดได้หารือกันเกี่ยวกับการยุติการปรับลดงบดุลของเฟดก่อนสิ้นปี 2562 โดยกรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า เฟดควรประกาศแผนยุติการปรับลดการถือครองพันธบัตรให้สาธารณชนได้รับทราบก่อนสิ้นปีนี้ ก่อนที่การดำเนินการจะยืดเยื้อนานเกินไป ซึ่งการประกาศแผนดังกล่าวนั้น จะช่วยให้กระบวนการการปรับลดงบดุลของเฟดให้กลับสู่ภาวะปกตินั้น มีความแน่นอนมากขึ้น

หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเจพี มอร์แกน ปรับตัวขึ้น 0.5% หุ้นซิตี้กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 0.4% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 0.3% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดีดขึ้น 0.6% และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก เพิ่มขึ้น 0.9%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น หลังจากแคทเธอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยรายงานคาดการณ์ว่า ความต้องการเครื่องมือก่อสร้างในประเทศจีนจะพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ทะยานขึ้น 3.3% หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นอีตัน คอร์ป พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นเอเค สตีล โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 2.2% และหุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก เพิ่มขึ้น 1.02%

หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นซีเอฟ อินดัสทรีส์ โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 6.1% หุ้นโมซาอิค พุ่งขึ้น 3.7% หุ้นนิวมอนท์ ไมนิ่ง ทะยานขึ้น 2.5% หุ้นคลิฟส์ เนเชอรัล พุ่งขึ้น 3.5% และหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน พุ่งขึ้น 2%

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลง หลังจากสายการบินเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์สเปิดเผยว่า ทางบริษัทอาจได้รับผลกระทบเป็นวงเงินสูงถึง 60 ล้านดอลลาร์ จากเหตุการณ์ที่หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐปิดทำการชั่วคราวเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์ ทั้งนี้ หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส ร่วงลง 5.7% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ลดลง 1.16% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ปรับตัวลง 1.12% หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล ลดลง 0.8% และหุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส รว่งลง 2.06%

นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างจีนและสหรัฐที่จะเปิดฉากขึ้นในวันพฤหัสบดีและเสร็จสิ้นในวันศุกร์นี้ โดยคาดหวังว่า ทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าให้ได้ก่อนสิ้นเดือนนี้ ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมาส่งสัญญาณอีกครั้งว่า เขาอาจจะเลื่อนกำหนดเส้นตายการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน จากเดิมซึ่งกำหนดไว้ในวันที่ 1 มี.ค. หากการเจรจาการค้าของทั้งสองฝ่ายมีความคืบหน้า

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในคืนนี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.พ.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.พ.จากมาร์กิต และยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ