ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้อ่อนตัวลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนเดือนก.พ.ที่อ่อนตัวลง รวมทั้งความไม่แน่นอนของการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ในขณะที่นักลงทุนต่างจับการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายคิม จอง อึน รวมทั้งสถานการณ์การเมืองระหว่างอินเดียและปากีสถาน
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 28,785.57 จุด เพิ่มขึ้น 28.13 จุด, +0.10% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 21,481.66 จุด ลดลง 74.85 จุด, -0.35% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,709.22 จุด ลดลง 4.23 จุด, -0.25%
ตลาดหุ้นเอเชียได้รับแรงกดดันหลังจากนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎร (House Ways and Means Committee) เมื่อวานนี้ว่า จีนจำเป็นต้องดำเนินการมากกว่าแค่เพียงซื้อสินค้าจากสหรัฐมากขึ้น ก่อนที่สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าอย่างถาวร พร้อมกับกล่าวว่า การบังคับใช้ข้อตกลงที่สหรัฐและจีนอาจบรรลุในเดือนหน้านั้น จะเป็นกระบวนการที่ยาวนาน
การประชุมสุดยอดวันที่สองระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายคิม จอง อึน ได้เริ่มขึ้นแล้วที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยในวันนี้ ผู้นำทั้งสองจะมุ่งเน้นหารือในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ เพื่อแลกกับสัญญาสัมปทานในด้านต่างๆจากสหรัฐ
สำหรับสถานการณ์การเมืองล่าสุดระหว่างอินเดียและปากีสถานนั้น กองทัพปากีสถานได้ออกมายืนยันว่า ปากีสถานไม่ต้องการเพิ่มความตึงเครียดกับอินเดีย พร้อมเรียกร้องให้อินเดียยอมรับ "ข้อเสนอเพื่อสันติภาพ" จากปากีสถาน
สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านเกิดขึ้นหลังจากที่อินเดียอ้างว่าได้โจมตีปากีสถานทางอากาศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ในขณะที่ปากีสถานอ้างว่าได้โจมตีเครื่องบินรบของอินเดียที่รุกน่านฟ้าของปากีสถานเมื่อวานนี้
อินเดียยืนยันว่า ปากีสถานได้ยิงเครืองบินรบ MiG-21 ร่วงในขณะที่กัปตันบนเครื่องบินยังคงหายสาบสูญ ซึ่งทางปากีสถานอ้างว่าเขากำลังถูกควบคุมตัว
พลเอกอาซิฟ กาฟูร์ อธิบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกองทัพบกปากีสถาน (ISPR) เปิดเผยว่า "อินเดียควรรับข้อเสนอเพื่อสันติภาพจากเรา แต่ต้องเข้าใจว่า หากมีการใช้ความรุนแรงกับเรา เราจะตอบโต้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะเกิดเนื่องจากสถานการณ์บังคับเท่านั้น"
ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% ในการประชุมวันนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ
คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางเกาหลีใต้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เนื่องจากเศรษฐกิจเกาหลีใต้ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเอเชียนั้น ส่งสัญญาณชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากการส่งออกและการจ้างงานที่ซบเซา รวมทั้งผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ.ของจีนอยู่ที่ระดับ 49.2 ซึ่งลดลงจากระดับ 49.5 ในเดือนม.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งอยู่ที่ระดับ 49.5
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนมีการขยายตัว และหากดัชนี PMI เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 จะบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวในภาคการผลิต
ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.พ.ของจีนอยู่ที่ระดับ 54.3 ซึ่งลดลงจากระดับ 54.7 ในเดือนม.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 54.5
นอกจากนี้ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นเพียง 0.6% ในเดือนม.ค. เนื่องจากยอดขายที่ซบเซาของห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกออนไลน์ อาทิ อาหาร เครื่องดื่มและเสื้อผ้า
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.นั้นต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 1.1% โดยชะลอตัวลงอย่างมาก หลังจากที่ขยายตัวขึ้น 1.3% ในเดือนธ.ค.