ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 206.67 จุด เหตุตลาดผิดหวังข้อมูลศก.สหรัฐ,หุ้นกลุ่มสุขภาพดิ่งหนัก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 5, 2019 06:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (4 มี.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างร่วงลงในเดือนธ.ค. ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ การร่วงลงของหุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพและกลุ่มประกันสุขภาพยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นดิ่งลงเช่นกัน หลังจากที่ในช่วงแรก ตลาดได้รับแรงหนุนจากการความหวังเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,819.65 จุด ร่วงลง 206.67 จุด หรือ -0.79% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,792.81 จุด ลดลง 10.88 จุด หรือ -0.39% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,577.57 จุด ลดลง 17.79 จุด หรือ -0.23%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างร่วงลง 0.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ย. โดยตัวเลขในเดือนธ.ค.ออกมาสวนทางกับที่จะเพิ่มขึ้น 0.2% สืบเนื่องมาจากผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ดีดตัวขึ้น, วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างที่มีราคาแพง รวมทั้งการขาดแคลนที่ดิน และแรงงาน หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพและกลุ่มประกันสุขภาพร่วงลง ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงเช่นกัน โดยหุ้นเมดโทรนิค ร่วงลง 4.5% หุ้นเอชซีเอ เฮลธ์แคร์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ดิ่งลง 1.7% ขณะที่หุ้นซิกนา คอร์ปอเรชัน และหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นสองบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 3.7% และดิ่งลง 4.1% ตามลำดับ ส่วนหุ้นเซนเทเน คอร์ป ดิ่งลง 4.5% หุ้นโมลินา เฮลธ์แคร์ ร่วงลง 4.1% และหุ้นเฮลธ์แคร์ เซอร์วิส กรุ๊ป ดิ่งลงกว่า 13%

ปัจจัยที่ฉุดหุ้นธุรกิจสุขภาพและกลุ่มประกันสุขภาพร่วงลงนั้น มาจากรายงานข่าวที่ว่า วุฒิสมาชิกสหรัฐได้เสนอร่างกฎหมายที่จะผลักดันให้ชาวอเมริกันทุกคนเข้าสู่ระบบประกันสุขภาพของรัฐบาล รวมทั้งข่าวที่ว่า บริษัทเพอร์ดู ฟาร์มา ซึ่งเป็นผู้ผลิตยา OxyContin เตรียมยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลายแห่งสหรัฐ

หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายเครื่องใช้ภายในบ้าน ดิ่งลงกว่า 5.3% หลังจากนักวิเคราะห์ของธนาคารบาร์เคลย์สได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงสู่ระดับ "underweight" จากระดับ "equal weight"

หุ้นเอทีแอนด์ที อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการไร้สายรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2.7% หลังจากเอทีแอนด์ทีประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจวอร์เนอร์มีเดีย ซึ่งอาจนำไปสู่การเลย์ออฟพนักงานจำนวนมาก โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่วันหลังจากศาลอุทธรณ์สหรัฐได้อนุมัติข้อตกลงที่เอทีแอนด์ทีจะเข้าซื้อกิจการของไทม์ วอร์เนอร์ ซึ่งมีมูลค่า 8.54 หมื่นล้านดอลลาร์ แม้ก่อนหน้านี้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้แย้งว่าอาจจะส่งผลให้ผู้บริโภคมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นก็ตาม

หุ้นนิวมอนต์ ไมนิ่ง พุ่งขึ้น 1.86% หลังจากนิวมอนต์ออกแถลงการณ์ปฎิเสธข้อเสนอของบริษัทแบร์ริค โกลด์ในการซื้อกิจการของบริษัทนิวมอนต์ ด้วยวงเงิน 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อตั้งบริษัทเหมืองทองขนาดใหญ่ ซึ่งมีมูลค่ารวม 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยนิวมอนต์ระบุว่า ข้อเสนอแบร์ริคอยู่ในระดับต่ำเกินไป

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนในระหว่างวัน หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า สหรัฐอาจยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเกือบทุกรายการที่ได้บังคับใช้กับจีนตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยคาดว่าผู้นำของทั้งสองประเทศอาจจะบรรลุข้อตกลงการค้าอย่างสมบูรณ์ในการประชุมวันที่ 27 มี.ค.นี้

วอลล์สตรีท เจอร์นัล ระบุว่า สหรัฐและจีน "อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการทำข้อตกลงการค้า" โดยจีนเสนอที่จะปรับลดภาษีนำเข้า และผ่อนคลายกฎระเบียบด้านการนำเข้าสินค้าเกษตร เคมีภัณฑ์ รถยนต์ และสินค้าอื่นๆจากสหรัฐ

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.พ.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนก.พ. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค., ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ.จาก ADP, ดุลการค้าเดือนธ.ค., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 4/2561 และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ