ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 13.02 จุด ขณะนักลงทุนรอความชัดเจนสหรัฐ-จีนทำข้อตกลงการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 6, 2019 06:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ เป็นปัจจัยที่ช่วยลดช่วงลบของตลาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,806.63 จุด ลดลง 13.02 จุด หรือ -0.05% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,576.36 จุด ลดลง 1.21 จุด หรือ -0.02% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,789.65 จุด ลดลง 3.16 จุด หรือ -0.11%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนเมื่อคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนรอความชัดเจนเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสื่อต่างประเทศซึ่งรวมถึงวอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า สหรัฐและจีนใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้า โดยคาดว่าผู้นำของทั้งสองประเทศมีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าอย่างสมบูรณ์ในการประชุมวันที่ 27 มี.ค.นี้

ขณะที่นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐกล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจปฏิเสธที่จะทำข้อตกลงการค้า หากข้อตกลงนั้นไม่เอื้อประโยชน์ต่อสหรัฐเท่าที่ควร

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 3.7% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 621,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 8.7% สู่ระดับ 600,000 ยูนิตในเดือนธ.ค.

ทางด้านไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 56.0 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 54.2 ในเดือนม.ค. ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัว 3.0 จุด สู่ระดับ 59.7 ในเดือนก.พ. โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ที่ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2548

หุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นทาร์เก็ตพุ่งขึ้น 4.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 4/2561 ที่ระดับ 1.53 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.52 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่หุ้นโคห์ล คอร์ป ทะยานขึ้น 7.3% หุ้นนอร์ดสตรอม พุ่งขึ้น 5.8% หุ้นอเมริกัน อีเกิล เอาท์ฟิทเทอร์ส ปรับตัวขึ้น 0.34% หุ้นโฮม ดีโปท์ ขยับขึ้น 0.1% หุ้นดอลลาร์ ทรี อิงค์ ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐที่จำหน่ายสินค้าทุกชนิดในราคาเพียง 1 ดอลลาร์ ดีดตัวขึ้น 0.2%

หุ้นเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) ร่วงลง 4.7% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการของธุรกิจด้านอุตสาหกรรมในปีนี้

หุ้นเรฟลอน ผู้ผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลงกว่า 21% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายลดลง 15% ในช่วง 4 สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 ก.พ.

หุ้นเทสลา ร่วงลง 3.1% หลังจากนักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์สได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นเทสลาลงสู่ระดับ 192 ดอลลาร์

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ.จาก ADP, ดุลการค้าเดือนธ.ค., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 4/2561 และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ