ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ บ่งชี้วอลล์สตรีทปรับตัวลง กังวลเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนไม่คืบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 14, 2019 20:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์อ่อนตัวลงในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในคืนนี้ โดยถูกกดดันจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยังคงไม่มีความคืบหน้า

ณ เวลา 20.07 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 7 จุด หรือ 0.03% สู่ระดับ 25,762 จุด

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนและสหรัฐเตรียมเลื่อนการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงออกไปเป็นเดือนหน้า จากเดิมที่มีการคาดการณ์ว่าการประชุมดังกล่าวอาจมีขึ้นในเดือนนี้

บลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า คณะทำงานของปธน.สี จิ้นผิง ได้ยกเลิกการจัดเตรียมแผนการเดินทางของผู้นำจีนไปยังสหรัฐแล้ว หลังจากที่ปธน.สี จิ้นผิงมีกำหนดเดินทางไปยังยุโรปในเดือนนี้

ก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์กันว่า ปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิงจะจัดการประชุมสุดยอดที่รีสอร์ท Mar-a-Lago ของปธน.ทรัมป์ในฟลอริดาเดือนนี้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดวันประชุมดังกล่าวแต่อย่างใด

ทางด้านปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่รีบร้อนที่จะทำข้อตกลงการค้ากับจีน

"ผมยังไม่รีบร้อน ผมต้องการให้ข้อตกลงเป็นไปอย่างเหมาะสม ผมไม่รีบร้อนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม" ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวว่า ปธน.สี จิ้นผิง ทราบดีว่าผู้นำสหรัฐพร้อมที่จะเดินออกจากที่ประชุมได้ทันที หากรู้ว่าไม่มีทางที่จะบรรลุข้อตกลง เหมือนที่ปธน.ทรัมป์ทำมาแล้วในการประชุมสุดยอดกับผู้นำเกาหลีเหนือที่เวียดนามเมื่อเดือนที่แล้ว

ราคาหุ้นของบริษัทเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) ร่วงลง 1.2% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ หลังจากที่บริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์กำไรในปีนี้ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหวังไว้

ทั้งนี้ GE คาดว่าจะมีกำไร 50-60 เซนต์/หุ้นในปีนี้ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 70 เซนต์/หุ้น

GE ระบุว่าสถานะการเงินของบริษัทยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาในธุรกิจพลังงานไฟฟ้า

นอกจากนี้ GE ยังได้ทบทวนปรับลดตัวเลขกำไรและรายได้ในปีที่แล้ว และเตือนว่ากระแสเงินสดของบริษัทจะติดลบในปีนี้

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 6,000 ราย สู่ระดับ 229,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ราย

กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าพุ่งขึ้นในเดือนก.พ. โดยปรับตัวขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนม.ค.

ดัชนีราคานำเข้าได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน และสินค้าเพื่อผู้บริโภค

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีราคานำเข้าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.พ.

อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคานำเข้าลดลง 1.3% ในเดือนก.พ. โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ