ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวกเพียง 7.05 จุด วิตกเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนไม่คืบหน้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 15, 2019 06:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยังไม่คืบหน้า โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวเป็นปัจจัยฉุดหุ้นบริษัทผลิตชิปซึ่งต้องพึ่งพารายได้จากจีน ขณะที่หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านร่วงลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐลดลงเกินคาดในเดือนม.ค.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,709.94 จุด เพิ่มขึ้น 7.05 จุด หรือ +0.03% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,808.48 จุด ลดลง 2.44 จุด หรือ -0.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,630.91 จุด ลดลง 12.50 จุด หรือ -0.16%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าที่ยังไม่มีความคืบหน้า หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า จีนและสหรัฐเตรียมเลื่อนการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงออกไปเป็นเดือนหน้า จากเดิมที่มีการคาดการณ์ว่าการประชุมดังกล่าวอาจมีขึ้นในเดือนนี้ ทางด้านปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่รีบร้อนที่จะทำข้อตกลงการค้ากับจีน เพราะต้องการให้ข้อตกลงเป็นไปอย่างเหมาะสม พร้อมกับส่งสัญญาณเตือนว่า เขาพร้อมที่จะเดินออกจากที่ประชุมได้ทันที หากรู้ว่าไม่มีทางที่จะบรรลุข้อตกลง เหมือนที่เขาได้ทำมาแล้วในการประชุมสุดยอดกับผู้นำเกาหลีเหนือที่เวียดนามเมื่อเดือนที่แล้ว

ทั้งนี้ การเจรเจาการค้าที่ยังไม่คืบหน้าระหว่างสหรัฐและจีนได้ฉุดหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตชิปร่วงลง โดยหุ้น Nvidia ร่วงลง 1.8% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ ลดลง 1.08% หุ้นบรอดคอม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพในธุรกิจสื่อสาร ร่วงลง 1.1% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ ร่วงลง 2.4% หุ้นสกายเวิร์ค โซลูชั่น ลดลง 0.4% และหุ้นเซอร์รัส ลอจิค ร่วงลง 1.6%

หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านร่วงลง หลังจากยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค.ของสหรัฐร่วงลง 6.9% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.6% โดยหุ้นพัลท์กรุ๊ป ร่วงลง 1.2% หุ้นเลนนาร์ คอร์ป ลดลง 0.1% หุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ลดลง 0.8% และหุ้นเคบี โฮม ลดลง 0.3 ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้าน (PHLX housing sector index) ปรับตัวลง 0.5%

หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.8% หลังจากบริการหลักๆของบริษัทซึ่งรวมถึง เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และวอทส์แอป เผชิญปัญหาระบบล่มในหลายพื้นที่ทั่วโลกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ ราคาหุ้นเฟซบุ๊กยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่านายคริส ค็อกซ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของเฟซบุ๊กได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง

หุ้นอะโดบี ร่วงลง 2.1% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาสแรกของปีนี้

หุ้นเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) ปิดตลาดดีดตัวขึ้น 2.8% หลังจากที่ราคาหุ้นร่วงลงในระหว่างวัน จากการที่บริษัทคาดการณ์ว่ากำไรในปีนี้จะอยู่ที่ 50-60 เซนต์/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 70 เซนต์/หุ้น

หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 1.1% หลังจากบริษัทประกาศแผนจัดการประชุม Worldwide Developers Conference (WWDC) ประจำปีในวันที่ 3-7 มิ.ย.ที่เมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีการคาดการณ์ว่า แอปเปิลจะเปิดตัว iOS 13 สำหรับ iPhone และ iPad รวมทั้งซอฟท์แวร์ล่าสุดของ Apple Watch, Apple TV และ macOS สำหรับเครื่อง Macs

นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยรายงานล่าสุดระบุว่า รัฐสภาอังกฤษลงมติด้วยคะแนนเสียง 412-202 เสียง เรียกร้องให้สหภาพยุโรป (EU) ขยายกำหนดเวลาการแยกตัวออกไปจากเดิมในวันที่ 29 มี.ค. อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากทาง EU และการขยายกำหนดเส้นตายดังกล่าวต้องอยู่บนเงื่อนไขที่ว่ารัฐสภาจะต้องให้ความเห็นชอบต่อข้อตกลง Brexit ที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะยื่นเข้าสู่การพิจารณาของสภาเป็นครั้งที่ 3 ในวันที่ 20 มี.ค.

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมี.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ