ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 มี.ค.) ตามการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานนี้ ขณะที่นักลงทุนรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐ โดยหุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มธนาคารนำตลาดปรับตัวขึ้น
ดัชนี Stoxx Europe บวก 0.57% ปิดที่ 384.29 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,425.90 จุด เพิ่มขึ้น 13.07 จุด หรือ +0.24% และ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,788.41 จุด เพิ่มขึ้น 131.35 จุด หรือ +1.13% ขณะที่ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,324.00 จุด เพิ่มขึ้น 24.81 จุด หรือ +0.34%
ตลาดปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การประชุมเฟด 2 วันในวันอังคารและพุธนี้ และการเจรจาการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า คณะเจรจาการค้าของสหรัฐและจีนเตรียมจัดการเจรจารอบใหม่ในสัปดาห์หน้า เพือหาทางยุติความขัดแย้งทางการค้า โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ จะเดินทางไปยังกรุงปักกิ่งในสัปดาห์หน้าเพื่อเจรจากับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ขณะที่นายหลิว เหอ และคณะจะเดินทางมายังกรุงวอชิงตันในสัปดาห์แรกของเดือนเม.ย.เพื่อหารือกับคณะเจรจาการค้าของสหรัฐ ขณะที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว โดยทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าภายในสิ้นเดือนเม.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนในตลาดยังคงจับตากระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยรัฐบาลอังกฤษประกาศเดินหน้าผลักดันการนำข้อตกลง Brexit เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา แม้ว่านายจอห์น เบอร์คาว ประธานรัฐสภาอังกฤษ ออกโรงเตือนนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มิให้นำข้อตกลง Brexit ที่มีเนื้อหาไม่แตกต่างจาก 2 ฉบับแรก เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาอีกครั้ง
สำหรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจมีส่วนช่วยหนุนตลาดด้วย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า อัตราการจ้างงานในระหว่างเดือนพ.ย.ปีที่แล้วถึงเดือนม.ค.ปีนี้ อยู่ที่ระดับ 76.1% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2514 ขณะที่จำนวนผู้มีงานทำเพิ่มขึ้น 222,000 คน สู่ระดับ 32.7 ล้านคน และอัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับ 3.9% ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยอยู่ต่ำกว่าระดับ 4% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2518
ด้านศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป หรือ ZEW เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยเพิ่มขึ้นสู่ระดับ -3.6 ในเดือนมี.ค. จากระดับ -13.4 ในเดือนก.พ. และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -11.0
หุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นนำตลาด โดยหุ้นบังโค ซานตานเดร์ บวก 1.29% และ หุ้นบีบีวีเอ เพิ่มขึ้น 1.18%
หุ้นเฟียต ไครสเลอร์ ออโตโมบิลส์ พุ่งขึ้น 5.01% หลังหนังสือพิมพ์ Les Echoes รายงานว่า นายคาลอส ทาวาเรส ซีอีโอของพีเอสเอ กรุ๊ป เตรียมที่จะขยายธุรกิจโดยการทำข้อตกลงกับเฟียต หรือ จากัวร์ แลนด์ โรเวอร์
หุ้นปอร์เช่ ออโตโมบิล โฮลดิ้งส์ ปรับตัวขึ้น 3.99% และหุ้นเดมเลอร์ เอจี บวก 3.44%
หุ้นอันโตฟากัสตา เพิ่มขึ้น 2.93% หลังรายงานผลกำไรสุทธิ 543.7 ล้านดอลลาร์ในปี 2561 และวางแผนลดต้นทุน 100 ล้านดอลลาร์ในปีนี้
หุ้นโอคาโด กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกออนไลน์ของอังกฤษ บวก 1.98% หลังเปิดเผยรายได้ครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 11.2%