ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 91.87 จุด รับความหวังเจรจาการค้าคืบหน้า,บอนด์ยีลด์ดีดตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 29, 2019 06:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 มี.ค.) ขานรับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีแนวโน้มคืบหน้า โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทระยะยาวที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,717.46 จุด เพิ่มขึ้น 91.87 จุด หรือ +0.36% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,815.44 จุด เพิ่มขึ้น 10.07 จุด หรือ +0.36% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,669.17 จุด เพิ่มขึ้น 25.79 จุด หรือ +0.34%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีความคืบหน้าในทุกด้าน ขณะที่จีนได้ยื่นข้อเสนอที่ไม่เคยมีขึ้นมาก่อนเกี่ยวกับการถ่ายโอนเทคโนโลยี โดยการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าภายในสิ้นเดือนเม.ย.

ทั้งนี้ คณะผู้แทนการค้าสหรัฐ ซึ่งนำโดยนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ได้เดินทางไปยังกรุงปักกิ่งของจีนเพื่อทำการเจรจาการค้ากับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน โดยการเจรจามีขึ้นในวันที่ 28-29 มี.ค. จากนั้นนายหลิว เหอ และคณะ จะเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันในสัปดาห์แรกของเดือนเม.ย. เพื่อหารือกับคณะเจรจาการค้าของสหรัฐ

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นขานรับความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดีดตัวขึ้น 0.9% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 0.7% หุ้นอีตัน คอร์ป เพิ่มขึ้น 0.6% หุ้น 3M เพิ่มขึ้น 0.7% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก เพิ่มขึ้น 0.6%

หุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวขึ้น โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน เพิ่มขึ้น 0.2% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ เพิ่มขึ้น 0.7% หุ้นซีลด์ แอร์ คอร์ป พุ่งขึ้น 1.15% หุ้นอัลโค อิงค์ เพิ่มขึ้น 0.3%

กลุ่มสินค้าผู้บริโภคดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นไทสัน ฟู้ดส์ พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) เพิ่มขึ้น 0.6% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคปรับตัวขึ้น 0.6%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.395% เมื่อคืนนี้ โดยก่อนหน้านี้ นักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งผลการศึกษาของบริษัท Bespoke พบว่า การเกิดภาวะ inverted yield curve ในตลาดพันธบัตร จะเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่จะเกิดขึ้นตามมา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2533, 2544 และ 2550

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการขั้นสุดท้ายสำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2561 โดยระบุว่า GDP ขยายตัวเพียง 2.2% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.4% และต่ำกว่าระดับ 2.6% ซึ่งมีการรายงานในเดือนก.พ.

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 211,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 1.0% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้น 0.7%

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ รายได้ส่วนบุคคลเดือนก.พ., ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ