ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุเยอรมนีเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานร่วงเกินคาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) โดยตลาดถูกกดดัน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของเยอรมนี ร่วงลงในเดือนก.พ. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะดีดตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าของกระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลบ 0.27% ปิดที่ 387.87 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,463.80 จุด ลดลง 5.10 จุด หรือ -0.09% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,401.94 จุด ลดลง 16.34 จุด หรือ -0.22% ขณะที่ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,988.01 จุด เพิ่มขึ้น 33.61 จุด หรือ +0.28%

ตลาดปรับตัวลง หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของเยอรมนีร่วงลง 4.2% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากอุปสงค์จากประเทศนอกกลุ่มยูโรโซนร่วงลงอย่างต่อเนื่อง และหากเทียบเป็นรายปี ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ.ของเยอรมนีร่วงลงถึง 8.4%

บรรดานักลงทุนยังคงมุ่งความสนใจไปที่สถานการณ์ Brexit โดยพรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคแรงงานได้เจรจาร่วมกันต่อเป็นวันที่ 2 เมื่อวานนี้ เพื่อหาทางออกให้กับข้อตกลง Brexit ขณะที่นายเคียร์ สตาร์เมอร์ รัฐมนตรีเงาด้าน Brexit กล่าวว่า อาจจะมีการหารือเกี่ยวกับการลงประชามติเพื่อยืนยันเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit

หุ้นธนาคารยูนิเครดิตของอิตาลี ลบ 0.66% หลังไฟแนนเชียล ไทม์ส รายงานว่า ยูนิเครดิตเตรียมเสนอซื้อกิจการคอมเมิร์ซแบงก์ของเยอรมนี หากการเจรจาควบกิจการระหว่างคอมเมิร์ซแบงก์และดอยซ์ แบงก์ ประสบความล้มเหลว

หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ บวก 3.41% และหุ้นดอยซ์ แบงก์ ลบ 0.82%

หุ้นเอพี มอลเลอร์-แมสค์ ซึ่งเป็นบริษัทชิปปิ้งรายใหญ่ของเดนมาร์ก ร่วง 8.07% หลังประกาศว่า นายคลอส วี. เฮมมิงเซน รองซีอีโอของบริษัทจะลาออกจากตำแหน่งสิ้นเดือนมิ.ย.นี้