ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มน้ำมันที่พุ่งขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ หลังสหรัฐเพิ่มแรงกดดันต่อการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน แต่หุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวลง ทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.89% ปิดที่ 391.35 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,591.69 จุด เพิ่มขึ้น 11.31 จุด หรือ +0.20% และ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,235.51 จุด เพิ่มขึ้น 13.12 จุด หรือ +0.11% ขณะที่ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,523.07 จุด เพิ่มขึ้น 63.19 จุด หรือ +0.85%
ตลาดดีดตัวขึ้นตามหุ้นกลุ่มน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดน้ำมัน หลังจากที่สหรัฐประกาศยกเลิกคำสั่งผ่อนผันแก่ประเทศที่นำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน
นักวิเคราะห์คาดว่า ตลาดจะกลับมาให้ความสนใจกับกระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อีกครั้งหลังวันหยุดเทศกาลอีสเตอร์ โดยหนังสือพิมพ์เทเลกราฟรายงานว่า สมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมให้เวลานางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจนถึงวันที่ 12 มิ.ย.ในการลาออกจากตำแหน่ง
หุ้นกลุ่มน้ำมันปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ เพิ่มขึ้น 1.80% หุ้นบีพี บวก 1.39% หุ้นลุดดิน ปิโตรเลียม พุ่ง 5.94% และหุ้น ทูลโลว์ ออยล์ บวก 3.31%
แต่การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มสายการบิน โดยหุ้นอีซี่เจ็ต ร่วง 3.86% หุ้นแอร์ ฟรานซ์ ดิ่งลง 5.98% และ หุ้นไรอันแอร์ ร่วง 4.05%
ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงด้วย หลังมีรายงานข่าวจากไฟแนนเชียล ไทม์ว่า ธนาคารบาร์เคลย์สจะปรับลดโบนัสสำหรับนักวาณิชธนากรของธนาคารเพื่อปรับลดค่าใช้จ่าย
หุ้นบาร์เคลย์ส ลบ 1.66% หุ้นแบงโก แซนแทนเดอร์ ร่วง 7.85% และหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ ลบ 1.79%