ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งกว่า 250 จุดในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนผิดหวังต่อการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัท 3M
ณ เวลา 20.45 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,337.93 จุด ลบ 259.12 จุด หรือ 0.97%
หุ้นของบริษัท 3M ทรุดตัวกว่า 10% หลังเปิดเผยตัวเลขกำไร และรายได้ประจำไตรมาสแรก ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ บริษัทเปิดเผยว่า มีรายได้ที่ระดับ 7.863 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 8.025 พันล้านดอลลาร์ และมีกำไรที่ระดับ 2.23 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.49 ดอลลาร์/หุ้น ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ และประกาศแผนปลดพนักงานทั่วโลกจำนวน 2,000 คน
อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้นมากกว่า 8% จากการเปิดเผยผลประกอบการที่สูงกว่าคาด
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาของหุ้นเฟซบุ๊กสู่ระดับ 220 ดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 200 ดอลลาร์
ส่วนราคาหุ้นไมโครซอฟท์ดีดตัวมากกว่า 4% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
บริษัทคอมแคสต์ สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ รายงานตัวเลขกำไรในไตรมาสแรก สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่รายได้ต่ำกว่าคาด
ทั้งนี้ คอมแคสต์เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไร 76 เซนต์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 68 เซนต์/หุ้น นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 2.6859 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.7203 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะนี้ บริษัทจำนวนมากกว่า 170 แห่งในดัชนี S&P 500 ได้เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาสแรกแล้ว โดย 78% สามารถรายงานตัวเลขกำไรสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และดีกว่าที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าบริษัทจดทะเบียนจะรายงานผลประกอบการลดลง 4.2% ในไตรมาสแรก
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้น 37,000 ราย สู่ระดับ 230,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560 หลังจากร่วงลงแตะระดับ 193,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2512
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 200,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
ส่วนกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 2.7% ในเดือนมี.ค. หลังจากลดลง 1.1% ในเดือนก.พ.
การพุ่งขึ้นของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนมี.ค. ได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวของคำสั่งซื้อในภาคขนส่ง
ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว จากอุปสงคที่พุ่งขึ้นสำหรับคอมพิวเตอร์ และสินค้าด้านอิเลคทรอนิคส์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.พ.
เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานดีดตัวขึ้น 2.8% ในเดือนมี.ค.
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาสแรกของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP สหรัฐจะขยายตัว 2.1% อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองการคาดการณ์ GDPNow แสดงให้เห็นว่า GDP สหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 2.2-3.4% ในไตรมาสแรก