ดาวโจนส์พุ่งไม่หยุด ล่าสุดทะยานกว่า 300 จุด นักลงทุนจับตาเจรจาการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 14, 2019 23:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งไม่หยุด ล่าสุดทะยานขึ้นกว่า 300 จุดในวันนี้ โดยสามารถฟื้นตัวขึ้น หลังจากดิ่งลงกว่า 600 จุดวานนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ณ เวลา 22.57 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,656.57 จุด บวก 331.58 จุด หรือ 1.31%

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาด ตามราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้นในวันนี้ หลังมีรายงานว่า กลุ่มก่อการร้ายได้ทำการโจมตีท่อส่งน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย

นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นในวันนี้เช่นกัน

หุ้นโบอิ้งและแคทเธอร์ พิลลาร์บวก 2% และ 1.8% ในการซื้อขายวันนี้ โดยหุ้นของบริษัททั้งสองถือเป็นตัวชี้วัดสภาวะการค้าของสหรัฐ เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศ ขณะที่ราคาหุ้นแอปเปิลปรับตัวขึ้น 0.8%

ซิตี้กรุ๊ปเปิดเผยว่า นักวิเคราะห์ของทางบริษัทมีความเชื่อมั่นอย่างระมัดระวังว่า สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้ในที่สุด

อย่างไรก็ดี ซิตี้กรุ๊ปเตือนว่า โอกาสในการหลีกเลี่ยงการเพิ่มขึ้นของภาวะตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนกำลังจะถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว

"ปัจจัยการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะยังคงทำให้ตลาดหุ้นแกว่งตัวในระยะสั้น แต่เราคิดว่าตลาดได้ปรับตัวรับข่าวดังกล่าวได้ในระดับหนึ่งแล้ว" ซิตี้กรุ๊ประบุในรายงานสำหรับลูกค้า

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า จะต้องใช้เวลาอีก 3-4 สัปดาห์จึงจะทราบว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบความสำเร็จหรือไม่

"เราจะให้คุณรู้ภายในเวลา 3-4 สัปดาห์ข้างหน้าว่าการเจรจาประสบความสำเร็จหรือไม่" ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว

ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า สหรัฐกำลังอยู่ในสถานะที่ดีขึ้นในการทำข้อตกลงกับจีน ขณะที่เม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์กำลังไหลกลับสู่สหรัฐ

"เรากำลังอยู่ในสถานะที่ดีขึ้นในการทำข้อตกลง ขณะที่เม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์ และการจ้างงานกำลังกลับสู่สหรัฐ โดยหลายประเทศกำลังเจรจากับเรา เพราะไม่ต้องการให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ซึ่งผู้นำของเราควรจะทำเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ปธน.ทรัมป์ยังทวีตข้อความระบุว่า เขาจะยอมรับข้อตกลงทางการค้าที่จะให้ผลประโยชน์ที่ดีที่สุดแก่สหรัฐเท่านั้น

"เมื่อเวลามาถึง เราจะทำข้อตกลงการค้ากับจีน ผมยังคงมีความเคารพและมิตรภาพอย่างไม่จำกัดต่อท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แต่อย่างที่ผมเคยบอกท่านมาแล้วหลายครั้งว่า นี่จะต้องเป็นข้อตกลงที่ดีที่สุดสำหรับสหรัฐ มิฉะนั้น มันจะไม่มีความหมาย เราจะต้องได้รับการชดใช้ความเสียหายที่เรามีต่อจีน นับตั้งแต่มีการก่อตั้งองค์การการค้าโลก และเรื่องนี้จะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังทวีตข้อความระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้สหรัฐเป็นฝ่ายชนะในการทำสงครามการค้ากับจีน

"จีนกำลังอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และอาจทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เหมือนอย่างที่เคยทำ เพื่อชดเชยแก่ภาคธุรกิจที่กำลังสูญเสียในการทำสงครามการค้า ซึ่งถ้าเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับจีน นี่ก็จะถือเป็นการจบเกม เราชนะ ขณะที่จีนต้องการจะทำข้อตกลงการค้า" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ทั้งนี้ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบความล้มเหลวในสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่ประชุมไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้า ขณะที่สหรัฐได้เพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% และเมื่อวานนี้ จีนได้ตอบโต้ด้วยการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.

ปธน.ทรัมป์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะยังคงดำเนินต่อไป แต่ก็ไม่มีการเปิดเผยกำหนดการประชุมอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคานำเข้าขยับขึ้นเพียง 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน ในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค.

ดัชนีราคานำเข้าถูกกดดันจากการที่ราคาสินค้าทุนร่วงลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีราคานำเข้าจะพุ่งขึ้น 0.7% ในเดือนเม.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคานำเข้าลดลง 0.2% ในเดือนเม.ย. หลังจากขยับขึ้น 0.1% ในเดือนมี.ค.

ส่วนดัชนีราคานำเข้าพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ลดลง 0.3% ในเดือนเม.ย. หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนมี.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคานำเข้าพื้นฐานลดลง 1.1% ในเดือนเม.ย.

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ