ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ วิตก Brexit,การค้าจีน-สหรัฐถ่วงตลาดลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday May 18, 2019 09:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 พ.ค.) โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับกระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐกับยุโรปและจีน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลบ 0.36% ปิดที่ 381.51 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,438.23 จุด ลดลง 9.87 จุด หรือ -0.18% และ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,238.94 จุด ลดลง 71.43 จุด หรือ -0.58% ส่วนดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,348.62 จุด ลดลง 4.89 จุด หรือ -0.07%

ตลาดปรับตัวลงโดยถูกกดดันจากข่าวที่ว่า การเจรจาระหว่างพรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และพรรคแรงงานของนายเจเรมี คอร์บิน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของอังกฤษ ประสบความล้มเหลวในวันศุกร์ โดยทั้งสองฝ่ายยังคงมีความขัดแย้งเกี่ยวกับการทำข้อตกลง Brexit

ทั้งนี้ การเจรจาเป็นเวลา 6 สัปดาห์ระหว่างแกนนำของพรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคแรงงานได้เสร็จสิ้นลงโดยไม่มีการบรรลุข้อตกลงใดๆ ขณะที่นายคอร์บินระบุในจดหมายถึงนางเมย์ว่า การเจรจาได้ไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว และขณะนี้พรรคแรงงานจะเดินหน้าขัดขวางข้อตกลง Brexit ของนางเมย์

นายคอร์บินระบุเสริมว่า การที่นางเมย์ขาดเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภา และนางเมย์มีแนวโน้มที่จะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการเจรจา

ทั้งนี้ แกนนำของพรรคอนุรักษ์นิยมระบุว่า นางเมย์จะประกาศกำหนดเวลาของการลาออกจากตำแหน่งในช่วงต้นเดือนหน้า

ทางด้านนายบอริส จอห์นสัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ประกาศชิงตำแหน่งผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่ แทนนางเมย์

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงกังวลกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบความล้มเหลวในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากที่ประชุมไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้า ขณะที่สหรัฐได้เพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ส่งผลให้จีนทำการตอบโต้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ด้วยการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.

อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ตัดสินใจชะลอการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อรถยนต์ และอะไหล่รถยนต์จากต่างประเทศออกไปอีก 6 เดือน

แต่หุ้นกลุ่มรถยนต์ยังคงปรับตัวลง โดยหุ้นบีเอ็มดับบลิว ร่วง 5.57% และ หุ้นเดมเลอร์ ลดลง 1.19%

หุ้นกลุ่มธนาคารลดลงด้วย โดยหุ้นบังโก บีพีเอ็ม ของอิตาลี ร่วง 3.22% และ หุ้นเอชเอสบีซี ของอังกฤษ ลดลง 1.47%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ