ดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุด หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิป,โบอิ้งหนุนตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 21, 2019 21:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐยกเลิกคำสั่งห้ามบริษัทสหรัฐดำเนินธุรกิจกับบริษัทหัวเว่ยเป็นการชั่วคราว

นอกจากนี้ ดัชนียังได้ปัจจัยบวกจากการดีดตัวของหุ้นโบอิ้ง และหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิป

ณ เวลา 20.57 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,786.86 จุด บวก 106.96 จุด หรือ 0.42%

บริษัทกูเกิล อิงค์แถลงในวันนี้ว่า ทางบริษัทจะยังคงดำเนินธุรกิจกับบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ในช่วง 90 วันข้างหน้า หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐยกเลิกคำสั่งห้ามบริษัทสหรัฐดำเนินธุรกิจกับบริษัทหัวเว่ยเป็นการชั่วคราว

การดำเนินการล่าสุดของกูเกิลถือเป็นการกลับการตัดสินใจก่อนหน้านี้ โดยกูเกิลได้ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า ทางบริษัทจะยุติการดำเนินธุรกิจกับหัวเว่ยเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งได้ห้ามบริษัทสหรัฐดำเนินธุรกิจกับบริษัทหัวเว่ย ขณะที่หัวเว่ยถูกขึ้นบัญชีดำใน Entity List

เมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ประกาศยกเลิกเป็นการชั่วคราวต่อคำสั่งห้ามบริษัทสหรัฐในการดำเนินธุรกิจกับบริษัทหัวเว่ย โดยอนุญาตให้มีการอัพเดทซอฟท์แวร์เพื่อให้ผู้ใช้ยังคงสามารถใช้งานโทรศัพท์ของหัวเว่ยได้ โดยการยกเลิกคำสั่งดังกล่าวจะมีผลจนบังคับใช้จนถึงวันที่ 19 ส.ค.นี้

การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้หัวเว่ย ซึ่งเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์สมาร์ทโฟนใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก มีเวลาในการออกโทรศัพท์รุ่นใหม่ และพัฒนาระบบ Android Q อัพเดทสำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นปัจจุบัน

ราคาหุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้น 1.2% ในการซื้อขายวันนี้ หลังหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า เจ้าหน้าที่ด้านการบินของสหรัฐเชื่อว่า เครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ซึ่งประสบอุบัติเหตุตกในเอธิโอเปียเมื่อเดือนมี.ค. อาจมีสาเหตุจากการถูกนกพุ่งชน จนทำให้ระบบเซ็นเซอร์ขัดข้อง

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สอบสวนระบุว่า การที่นกพุ่งชนเครื่องบิน เป็นสาเหตุทำให้ระบบเซ็นเซอร์ทำงานผิดพลาด และกระตุ้นให้ระบบ anti-stall เกิดทำงานขึ้นในเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ของสายการบินเอธิโอเปียน แอร์ไลน์ในเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว และเครื่องบินของสายการบินไลอ้อนแอร์ในอินโดนีเซียในเดือนต.ค. ซึ่งทำให้ระบบอัตโนมัติสั่งการให้เครื่องบินลดเพดานบินลง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวม 346 ราย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ