ดาวโจนส์ดิ่งไม่หยุด ล่าสุดทรุดกว่า 300 จุด กังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 29, 2019 22:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ โดยล่าสุดทรุดตัวลงกว่า 300 จุดในวันนี้ ท่ามกลางความวิตกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากที่ตลาดพันธบัตรส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย

นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลต่อการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ณ เวลา 22.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,031.78 จุด ลบ 315.99 จุด หรือ 1.25%

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงนำตลาด ตามราคาน้ำมันที่ดิ่งลงเกือบ 3% ในวันนี้

หุ้นกลุ่มธนาคารทรุดตัวลงกว่า 1% ตามการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

หุ้นโบอิ้งและแคทเธอร์ พิลลาร์ต่างปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นของบริษัททั้งสองถือเป็นตัวชี้วัดสภาวะการค้าของสหรัฐ เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐร่วงลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ณ เวลา 19.16 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.227% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.665%

อย่างไรก็ดี อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 3 เดือนอยู่ที่ระดับ 2.36% ซึ่งสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี และทำให้เกิดภาวะ inverted yield curve ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว และเป็นการส่งสัญญาณถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย

นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลต่อการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

หนังสือพิมพ์พีเพิลส์ เดลี ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระบุเตือนสหรัฐในวันนี้ว่า จีนอาจใช้แร่หายากเป็นอาวุธในการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ

"เราขอแนะนำสหรัฐมิให้ประเมินความสามารถของจีนต่ำเกินไปในการปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของจีน อย่าบอกว่าเราไม่ได้เตือนคุณก่อน" พีเพิลส์ เดลี ระบุในบทบรรณาธิการที่มีหัวข้อว่า "สหรัฐ อย่าประเมินความสามารถของจีนในการตอบโต้ต่ำเกินไป"

ทั้งนี้ พีเพิลส์ เดลีเคยใช้ประโยคที่ว่า "อย่าบอกว่าเราไม่ได้เตือนคุณก่อน" เพียง 2 ครั้งในอดีต โดยครั้งแรกในปี 2506 ก่อนที่จีนจะทำสงครามชายแดนกับอินเดีย และครั้งที่ 2 ในปี 2530 ก่อนที่จีนจะทำสงครามกับเวียดนาม

ทางด้านนายหู สีจิน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์สของรัฐบาลจีน เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ @HuXijin_GT ว่า ขณะนี้รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาที่จะใช้มาตรการจำกัดการส่งออกแร่หายากไปยังสหรัฐ และอาจใช้มาตรการตอบโต้อื่นๆ ในอนาคตด้วย ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลว่า จีนอาจใช้แร่หายากเป็นอาวุธในการเจรจาการค้ากับสหรัฐ

ขณะนี้ จีนเป็นประเทศผู้ผลิตแร่หายากรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยแร่ดังกล่าวเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสมาร์ทโฟน และรถยนต์ไฟฟ้า

การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบความล้มเหลวในเดือนนี้ โดยที่ประชุมไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้า ขณะที่สหรัฐได้เพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% ส่งผลให้จีนทำการตอบโต้ ด้วยการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.

นอกจากนี้ สหรัฐได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ทำให้บริษัทไม่สามารถซื้อสินค้าจากสหรัฐ และสหรัฐยังได้เตรียมพิจารณาเพิ่มบัญชีรายชื่อบริษัทจีนที่จะถูกขึ้นบัญชีดำ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังพิจารณาที่จะขึ้นบัญชีดำบริษัทจำหน่ายกล้องวงจรปิดรายใหญ่ 5 รายของจีน ซึ่งรวมถึงบริษัท Hikvision Digital Technology และ บริษัท Dahua Technology ด้วยข้อหากระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ