ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 43.47 จุด ตลาดคลายกังวลศก.ถดถอยหลังบอนด์ยีลด์ฟื้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 31, 2019 06:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 พ.ค.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 3%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,169.88 จุด เพิ่มขึ้น 43.47 จุด หรือ +0.17% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,567.72 จุด เพิ่มขึ้น 20.41 จุด หรือ +0.27% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,788.86 จุด เพิ่มขึ้น 5.84 จุด หรือ +0.21%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.264% เมื่อคืนนี้ หลังจากร่วงลงแตะระดับ 2.21% เมื่อวันพุธ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 19 เดือน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.685% เมื่อคืนนี้ หลังจากร่วงลงแตะระดับ 2.665% เมื่อวันพุธ

ทั้งนี้ การฟื้นตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ตลาดพันธบัตรสหรัฐได้เกิดภาวะ inverted yield curve ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว และเป็นการส่งสัญญาณถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยสื่อต่างประเทศรายงานล่าสุดว่า จีนได้ระงับการซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐแล้ว และไม่มีแผนที่จะซื้อถั่วเหลืองล็อตใหม่ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าที่รุนแรงขึ้น

ทางด้านนายจาง หานฮุย รมช.ต่างประเทศจีนกล่าวว่า การที่สหรัฐกระทำการยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งทางการค้านั้น เปรียบเสมือนการก่อการร้ายทางเศรษฐกิจ อีกทั้งเป็นการบ่อนทำลาย และข่มเหงรังแกทางเศรษฐกิจ พร้อมกับกล่าวว่า จีนต่อต้านการทำสงครามการค้า แต่ก็ไม่กลัวการทำสงครามการค้า

หุ้นดอลลาร์ เจเนอรัล ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 7.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายในไตรมาสแรกพุ่งขึ้น 3.5% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8% ขณะที่หุ้นดอลลาร์ ทรี ซึ่งเป็นคู่แข่งของดอลลาร์ เจเนอรัล พุ่งขึ้น 3.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ดีเกินคาดเช่นกัน

หุ้นพีวีเอช คอร์ป ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ดังอย่าง Calvin Klein และ Tommy Hilfiger ร่วงลง 14.9% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรปีงบการเงิน 2562 โดยระบุถึงผลกระทบของข้อพิพาทการค้าและการชะลอตัวของยอดขายปลีก

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลง 3.8% เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากรายงานที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงน้อยกว่าคาดการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.2% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.26% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 4.7% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงลง 3.9% หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม ดิ่งลง 3.8% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ลดลง 0.2% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 3.6%

หุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งมีความอ่อนไหวต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนั้น ยังคงปรับตัวลงแม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ก็ตาม โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2.1% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 0.36% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ลดลง 0.16% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ลดลง 0.8% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลดลง 0.95% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ร่วงลง 1.07%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2562 ของสหรัฐ ขยายตัวที่ระดับ 3.1% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.0% แต่ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ระดับ 3.2%

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 215,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 1.5% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์จะเพิ่มขึ้น 0.9%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย., การใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนเม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ